ในปี 2568 การลงทะเบียนเกษตรกรได้กลายเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ สิทธิในการเข้าถึงโครงการสนับสนุนด้านเงินทุน เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย หรือเทคโนโลยีการเกษตรจากหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ที่ทำให้ทุกอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับขั้นตอน วิธีการ เอกสารที่ใช้ และคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทะเบียนเกษตรกรปี 2568 แบบออนไลน์ อย่างละเอียด เข้าใจง่าย และทำตามได้ทันที
ทำไมต้องลงทะเบียนเกษตรกร?
ก่อนอื่น เราควรเข้าใจก่อนว่าการ “ลงทะเบียนเกษตรกร” หมายถึง การขึ้นทะเบียนข้อมูลของเกษตรกรไทยกับหน่วยงานรัฐ ได้แก่ สำนักงานเกษตรอำเภอในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:
-
ยืนยันตัวตนของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
-
จัดเก็บฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการวางแผนและพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศ
-
ให้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนของรัฐ เช่น เงินช่วยเหลือภัยแล้ง, น้ำท่วม, โควิด-19, เงินอุดหนุนเมล็ดพันธุ์ หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
-
เป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าถึงแหล่งทุนและโครงการอบรมพัฒนาอาชีพของเกษตรกร
ใครที่ควรลงทะเบียน?
-
ผู้ที่ทำเกษตรเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม
-
เกษตรกรที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน
-
เกษตรกรที่เคยลงทะเบียนแล้ว แต่ต้องการปรับปรุงข้อมูล (เช่น เปลี่ยนแปลงพื้นที่เพาะปลูก เปลี่ยนชนิดพืช เปลี่ยนแปลงสถานภาพครัวเรือน)
-
ผู้ที่ย้ายถิ่นฐานไปทำเกษตรในพื้นที่ใหม่
ลงทะเบียนเกษตรกร 2568 ออนไลน์ ต้องทำอย่างไร?
ในปี 2568 กรมส่งเสริมการเกษตรได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกรสามารถลงทะเบียนได้ผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน “Farmbook” โดยมีขั้นตอนดังนี้:
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม
เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้:
-
บัตรประจำตัวประชาชน (ของหัวหน้าครัวเรือน และของสมาชิกในครัวเรือนที่ทำการเกษตรร่วมกัน)
-
ทะเบียนบ้าน
-
เอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ใช้ทำการเกษตร เช่น โฉนด น.ส.3 ก ส.ป.ก. หรือหนังสือยืนยันจากผู้ใหญ่บ้าน
-
ข้อมูลแปลงเกษตร เช่น ชนิดพืช พื้นที่ปลูก จำนวนต้น ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ฯลฯ
-
รูปถ่ายพื้นที่การเกษตร (หากมี)
2. แอปพลิเคชัน Farmbook
-
แอปฯ: ดาวน์โหลด “Farmbook” ได้ทั้งระบบ iOS และ Android
3. สมัครบัญชีผู้ใช้งาน
หากยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ให้กด “สมัครสมาชิก” และกรอกข้อมูลตามที่ระบุ (ต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานจริงเพื่อรับรหัส OTP)
4. ลงทะเบียนข้อมูลเกษตรกร
-
เลือกประเภทเกษตรที่ทำ เช่น พืช ปศุสัตว์ ประมง
-
กรอกข้อมูลพื้นที่ เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ หรือการประมงให้ครบถ้วน
-
แนบรูปภาพ หรือแผนที่แปลงเกษตร (กรณีมี)
-
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
5. กดยืนยัน และรอการตรวจสอบ
เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ระบบจะส่งข้อมูลไปยังสำนักงานเกษตรอำเภอเพื่อตรวจสอบและอนุมัติ
6. ติดตามสถานะ
สามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนผ่านแอป Farmbook หรือโทรสอบถามสำนักงานเกษตรอำเภอ
กรณีไม่สะดวกลงทะเบียนออนไลน์?
หากไม่มีสมาร์ตโฟนหรืออินเทอร์เน็ตสามารถลงทะเบียนแบบออฟไลน์ได้ที่:
-
สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่
-
ศูนย์บริการดิจิทัลชุมชน (อบต.)
-
อาสาสมัครเกษตร (อกม.) ที่ประจำหมู่บ้าน
การปรับปรุงข้อมูล ต้องทำทุกปีหรือไม่?
ต้องทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หาก:
-
พื้นที่เพาะปลูกเปลี่ยนแปลง
-
เปลี่ยนชนิดพืชหรือสัตว์ที่เลี้ยง
-
มีการย้ายที่อยู่ หรือเปลี่ยนสถานภาพสมาชิกครัวเรือน
หากไม่มีการปรับปรุงข้อมูลเป็นระยะเวลาเกิน 3 ปี ข้อมูลจะถูกตัดออกจากระบบ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ถ้าเป็นคนทำเกษตรเชิงพาณิชย์แบบไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ลงทะเบียนได้หรือไม่?
ตอบ: ได้ สามารถใช้หนังสือรับรองการทำเกษตรจากผู้ใหญ่บ้าน หรือสัญญาเช่าที่ดินแนบในการลงทะเบียน
ถาม: ทำเกษตรเสริม (ไม่ได้ทำเต็มเวลา) จะลงทะเบียนได้ไหม?
ตอบ: ได้เช่นกัน แค่ต้องมีข้อมูลชัดเจนว่าทำอะไร ที่ไหน ปลูกเมื่อไหร่ เก็บเกี่ยวเมื่อใด และมีพื้นที่จริง
ถาม: ลงทะเบียนเกษตรกรแล้ว จะมีผลอะไรกับการเสียภาษีหรือไม่?
ตอบ: การลงทะเบียนเกษตรกรเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อการวางแผนและช่วยเหลือ ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประเมินภาษีโดยตรง เว้นแต่มีรายได้สูงและมีการซื้อขายอย่างเป็นระบบที่เข้าข่ายการยื่นภาษี
ถาม: ลงทะเบียนผ่านแอป Farmbook แล้วต้องไปสำนักงานเกษตรไหม?
ตอบ: หากข้อมูลครบถ้วนและไม่มีข้อสงสัยจากเจ้าหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องไปสำนักงาน แต่หากเจ้าหน้าที่ขอข้อมูลเพิ่มเติม อาจมีการติดต่อกลับหรือเรียกไปยืนยัน
ถาม: ใช้ชื่อครอบครัวเดียวกัน แปลงเดียวกัน ลงทะเบียนได้หลายคนหรือไม่?
ตอบ: ถ้าแต่ละคนมีบทบาทจริงในการทำเกษตร เช่น แยกแปลงกันดูแล สามารถลงทะเบียนแยกได้ แต่หากเป็นการซ้ำซ้อน ระบบจะให้เฉพาะหัวหน้าครัวเรือนหรือผู้รับผิดชอบหลัก
ถาม: ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน จะได้รับสิทธิเหมือนคนอื่นไหม?
ตอบ: ได้ หากคุณลงทะเบียนในปี 2568 ทันตามรอบที่ภาครัฐกำหนด และมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขในแต่ละโครงการ
ถาม: ต้องลงทะเบียนทุกปีหรือไม่?
ตอบ: แนะนำให้ “ปรับปรุงข้อมูล” ทุกปี เพื่อรักษาสถานะความเป็นเกษตรกรในระบบ และให้ได้รับสิทธิต่าง ๆ ต่อเนื่อง
ถาม: ลงทะเบียนเกษตรกรแล้ว จะสมัครบัตรเกษตรกรได้หรือไม่?
ตอบ: ได้ เมื่อข้อมูลได้รับการอนุมัติในระบบ สามารถนำไปยื่นขอทำบัตรเกษตรกรที่ธ.ก.ส. หรือสำนักงานเกษตรอำเภอ
ถาม: ถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือ จะใช้ออนไลน์ได้ไหม?
ตอบ: ถ้าไม่มีอุปกรณ์ ให้ติดต่อที่อบต. หรือศูนย์ดิจิทัลชุมชนใกล้บ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือในการลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่
การลงทะเบียนเกษตรกร 2568 ออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไทยเข้าถึงโครงการช่วยเหลือจากรัฐได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน และปรับปรุงข้อมูลเป็นประจำทุกปี จะช่วยให้สิทธิต่าง ๆ ไม่ขาดตอน โดยเฉพาะในยุคที่ภาครัฐเน้นการเกษตรอัจฉริยะและข้อมูลดิจิทัล การมีชื่ออยู่ในระบบจึงไม่ใช่แค่ “มีชื่อ” แต่คือ “มีสิทธิ”