
โรงรับจำนำในประเทศไทย
ในยุคที่สภาพเศรษฐกิจมีความผันผวน หลายคนอาจต้องการแหล่งเงินด่วนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องใช้เอกสารซับซ้อน หรือมีขั้นตอนการอนุมัติที่รวดเร็ว “โรงรับจำนำ” (Pawnshop) จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของประชาชนทั่วไป เพราะเป็นสถานที่ที่ให้บริการสินเชื่อระยะสั้น โดยใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน และสามารถไถ่ถอนคืนได้เมื่อมีเงินพร้อม
โรงรับจำนำในประเทศไทยแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ โรงรับจำนำของรัฐ และ โรงรับจำนำเอกชน ซึ่งแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป รวมถึงเงื่อนไขการรับจำนำที่อาจแตกต่างกันด้วย
บทความนี้จะพาผู้อ่านเจาะลึกเกี่ยวกับโรงรับจำนำในปี 2568 ว่าในปัจจุบันนี้ โรงจำนำรับอะไรบ้าง? โรงรับจำนำประเภทต่าง ๆ มีเงื่อนไขอย่างไร? อัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่? และเทคนิคการจำนำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยให้การใช้บริการโรงรับจำนำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โรงจำนำรับอะไรบ้างในปี 2568
โรงรับจำนำแต่ละแห่งมีนโยบายในการรับทรัพย์สินแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของโรงรับจำนำและการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยทั่วไป ทรัพย์สินที่นิยมจำนำและสามารถนำไปแลกเงินได้ในโรงรับจำนำมีดังต่อไปนี้
2.1 ทรัพย์สินที่โรงรับจำนำส่วนใหญ่รับ
-
ทองคำและเครื่องประดับทองคำ
- ทองคำแท่ง (ทองคำ 96.5% และ 99.99%)
- สร้อยคอทองคำ, แหวนทอง, กำไลทอง, จี้ทอง
- ทองคำขาว และแพลตตินัม (บางแห่ง)
- โรงรับจำนำส่วนใหญ่นิยมรับทองคำ เพราะสามารถตีราคาได้ง่าย มีตลาดรองรับชัดเจน และสามารถเปลี่ยนมือขายได้ง่ายในกรณีที่ลูกค้าไม่มาไถ่คืน
-
เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน (iPhone, Samsung, Huawei ฯลฯ)
- โน้ตบุ๊ก, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, iPad, MacBook
- กล้องถ่ายรูป และเลนส์กล้อง
- ทีวี, เครื่องเสียง, ลำโพงบลูทูธ, เครื่องเล่นเกม PlayStation, Xbox, Nintendo Switch ฯลฯ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น ตู้เย็น, ไมโครเวฟ, เตาอบไฟฟ้า (บางแห่งรับ)
-
นาฬิกาหรู และเครื่องประดับแบรนด์เนม
- Rolex, Omega, Patek Philippe, TAG Heuer, Seiko ฯลฯ
- เครื่องประดับเงินแท้, แพลตตินัม หรือเพชรพลอยแท้
- กระเป๋าแบรนด์เนม เช่น Louis Vuitton, Gucci, Chanel, Prada ฯลฯ (บางแห่ง)
-
รถจักรยานยนต์ และรถยนต์
- โรงรับจำนำบางแห่งโดยเฉพาะเอกชน อาจรับจำนำรถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ โดยต้องมีเอกสารเล่มทะเบียนรถที่ถูกต้อง
-
พระเครื่อง และวัตถุมงคล
- พระเครื่องเก่า พระเหรียญหายาก (เช่น หลวงปู่ทวด, สมเด็จวัดระฆัง ฯลฯ)
- เหรียญกษาปณ์ หรือธนบัตรเก่าหายาก
-
เครื่องมือช่าง และอุปกรณ์ก่อสร้าง
- สว่านไฟฟ้า, เครื่องเจียร์, เครื่องตัดหญ้า ฯลฯ (โรงรับจำนำบางแห่งอาจรับ)
-
สินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีมูลค่า
- หุ้น, กองทุน, พันธบัตร (บางแห่ง)
- ของสะสม เช่น แสตมป์หายาก, โมเดลฟิกเกอร์แบรนด์ดัง
2.2 ทรัพย์สินที่โรงรับจำนำไม่รับ
- สินค้าผิดกฎหมาย หรือได้มาโดยผิดกฎหมาย
- สินค้าที่ไม่มีสภาพสมบูรณ์ หรือใช้งานไม่ได้
- อุปกรณ์ไอทีที่ติดล็อกบัญชี เช่น iCloud Locked หรือ Google FRP Locked
- ของเลียนแบบ หรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ (Fake Brandname)
- อสังหาริมทรัพย์ (เช่น ที่ดิน บ้าน คอนโดฯ)
3. เปรียบเทียบโรงรับจำนำของรัฐและเอกชน
3.1 โรงรับจำนำของรัฐ
โรงรับจำนำของรัฐในประเทศไทยส่วนใหญ่ดำเนินการโดย สำนักงานธนานุเคราะห์ และ องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
ข้อดี
- อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าของเอกชน
- มั่นใจเรื่องความโปร่งใส และการบริหารจัดการ
- สามารถยืดระยะเวลาจำนำได้ โดยมีมาตรการช่วยเหลือในบางกรณี เช่น การขยายระยะเวลาต่อดอกเบี้ย
ข้อเสีย
- มีข้อจำกัดในการรับทรัพย์สิน บางประเภท เช่น อาจไม่รับนาฬิกาหรู รถยนต์ หรือสินค้าแบรนด์เนมบางรายการ
- วงเงินจำนำอาจไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับโรงรับจำนำเอกชน
- มีขั้นตอนที่เป็นทางการมากกว่า อาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม เช่น บัตรประชาชนและหลักฐานการเป็นเจ้าของทรัพย์
3.2 โรงรับจำนำเอกชน
โรงรับจำนำเอกชนที่มีชื่อเสียงในไทย เช่น โรงรับจำนำแคชเอ็กซ์เพรส (Cash Express), โรงรับจำนำ Easy Money และอีกหลายแห่งที่ให้บริการทั่วประเทศ
ข้อดี
- สามารถให้วงเงินสูงกว่าของรัฐ โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดของทรัพย์สินแบบยืดหยุ่น
- มีตัวเลือกในการรับทรัพย์สินที่หลากหลายกว่า เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม รถยนต์ ฯลฯ
- กระบวนการอนุมัติรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยกว่าของรัฐ และบางแห่งสามารถทำรายการออนไลน์ได้
ข้อเสีย
- อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าของรัฐ
- บางแห่งอาจมีเงื่อนไขการไถ่ถอนที่เข้มงวดกว่า
- หากไม่ศึกษาเงื่อนไขให้ดี อาจมีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
4. เทคนิคการจำนำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
-
เลือกโรงรับจำนำที่ให้เงื่อนไขดีที่สุด
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขของหลาย ๆ แห่งก่อนตัดสินใจ
-
ตรวจสอบมูลค่าตลาดของทรัพย์สินก่อนนำไปจำนำ
- สามารถเช็กราคาตลาดของทองคำ นาฬิกา หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์
-
เก็บใบจำนำไว้ให้ดี และอย่าปล่อยให้เกินกำหนด
- หากเกินกำหนดชำระดอกเบี้ย อาจทำให้ทรัพย์สินถูกขายทอดตลาด
-
จำนำเฉพาะกรณีจำเป็นจริง ๆ และหลีกเลี่ยงการจำนำของใช้ที่จำเป็น
- อย่าจำนำของที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต เช่น โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานประจำ
โรงรับจำนำเป็นแหล่งเงินกู้ที่เข้าถึงง่าย และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน โรงรับจำนำของรัฐมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ขณะที่โรงรับจำนำเอกชนให้วงเงินที่สูงกว่า แต่มีดอกเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อย การเลือกใช้บริการโรงรับจำนำอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการจำนำทรัพย์สิน