ในยุคที่การโอนเงินออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน คนไทยแทบทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์ “โอนเงินให้ใครบางคน” ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของออนไลน์ ชำระค่ามัดจำ หรือช่วยเพื่อนโอน แต่ในขณะเดียวกัน “มิจฉาชีพออนไลน์” ก็พัฒนาเทคนิคหลอกลวงให้แนบเนียนขึ้นทุกปี หลายคนตกเป็นเหยื่อเพราะไม่ทันตรวจสอบ “บัญชีธนาคารมิจฉาชีพ” ก่อนโอนเงิน และสุดท้ายต้องสูญเงินโดยไม่สามารถตามคืนได้
คำถามที่ถูกค้นหามากที่สุดใน Google ตอนนี้คือ “เช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ” เพราะคนไทยเริ่มตระหนักว่าการตรวจสอบบัญชีก่อนโอนเงินเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้จะพาไปดูว่าคุณสามารถเช็กบัญชีคนโกงได้อย่างไร มีเว็บไซต์และช่องทางทางการใดที่น่าเชื่อถือ และทำไมปี 2568 จึงเป็นปีที่รัฐเริ่มจริงจังกับการปราบปรามบัญชีม้าและมิจฉาชีพออนไลน์มากที่สุด
ทำไมต้องเช็คบัญชีธนาคารก่อนโอนเงิน
ทุกวันนี้มิจฉาชีพออนไลน์ใช้กลยุทธ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหลอกขายของราคาถูก หลอกลงทุนผ่าน Facebook หรือหลอกให้โอนเงินเพื่อปลดล็อกบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่จะจบลงที่ “บัญชีม้า” หรือบัญชีที่เปิดโดยบุคคลอื่นเพื่อรับเงินจากเหยื่อ
บัญชีเหล่านี้มักมีลักษณะร่วมคือ ชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อร้าน หรือชื่อไม่สอดคล้องกับบริบทของการซื้อขาย เช่น ใช้ชื่อคนแปลกหน้าเป็นชื่อบัญชีแทนชื่อร้านค้า และมักเร่งให้ผู้ซื้อโอนเร็วๆ ถ้าไม่เช็คให้ดี โอกาสโดนโกงสูงมาก
ดังนั้น การ “เช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ” ก่อนโอนจึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันชั้นแรกที่จะช่วยคุณกรองความเสี่ยงได้ทันที
วิธีเช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพผ่านเว็บไซต์ทางการ
ปัจจุบันมีหลายช่องทางที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดทำเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบบัญชีต้องสงสัยได้ฟรีและรวดเร็ว
หนึ่งในเว็บไซต์ยอดนิยมคือ www.ตรวจสอบบัญชี.com (หรือที่เรียกว่า เช็คบัญชีมิจฉาชีพออนไลน์) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) เว็บไซต์นี้รวบรวมรายชื่อบัญชีธนาคาร เบอร์โทรศัพท์ และชื่อที่เคยมีการแจ้งความว่าเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ
เพียงกรอกชื่อบัญชีหรือเลขบัญชี ระบบก็จะแสดงผลทันทีว่ามีประวัติการแจ้งความหรือไม่ หากพบว่ามีข้อมูล คุณไม่ควรโอนเงินเด็ดขาด
อีกช่องทางหนึ่งคือเว็บไซต์ https://www.thaipoliceonline.com ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความออนไลน์ได้ รวมถึงมีบริการ “แจ้งบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ” สำหรับผู้เสียหายที่ต้องการเพิ่มข้อมูลในระบบ เพื่อให้คนอื่นได้รับการเตือนล่วงหน้า
แอปธนาคารกับระบบตรวจสอบบัญชีมิจฉาชีพ
ในปี 2568 ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเริ่มบูรณาการระบบ “เช็คบัญชีมิจฉาชีพก่อนโอน” เข้ากับแอปพลิเคชันของตัวเอง เช่น ธนาคารกรุงไทย SCB และกสิกรไทย บางแห่งมีการแจ้งเตือนหากบัญชีปลายทางเคยมีการร้องเรียน หรือมีชื่ออยู่ใน “บัญชีต้องสงสัย” ที่มาจากฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณพิมพ์เลขบัญชีปลายทาง ระบบอาจขึ้นข้อความว่า “บัญชีนี้เคยมีการแจ้งร้องเรียนในคดีหลอกลวงออนไลน์” เพื่อเตือนให้คุณระวัง ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการป้องกันการโอนเงินให้มิจฉาชีพ
บัญชีม้า คืออะไร และทำไมต้องระวัง
อีกคำที่มักได้ยินคู่กับ “เช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ” คือ “บัญชีม้า” หมายถึงบัญชีธนาคารที่เปิดโดยบุคคลหนึ่ง แต่ถูกนำไปใช้โดยอีกคนหนึ่ง (มักเป็นมิจฉาชีพ) เพื่อรับเงินจากการหลอกลวง
บางคนอาจขายบัญชีของตัวเองให้มิจฉาชีพเพื่อแลกกับค่าตอบแทนหลักร้อย แต่ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นถือว่า มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกและปรับสูง เพราะบัญชีม้าเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟอกเงินและหลอกลวงประชาชน
หากคุณเผลอเปิดบัญชีให้คนอื่นใช้ หรือยินยอมให้ใครนำบัญชีไปใช้รับเงินโดยไม่ได้มีธุรกรรมจริง คุณอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุนการฉ้อโกงได้เช่นกัน
เมื่อโอนเงินไปแล้วถึงรู้ว่าโดนโกง ต้องทำอย่างไร
หากคุณเผลอโอนเงินไปยังบัญชีมิจฉาชีพแล้ว วิธีที่ควรทำคือรีบ แจ้งธนาคารทันที เพื่อขอระงับธุรกรรมและแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่หรือผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com
ธนาคารจะดำเนินการ “ระงับบัญชีปลายทางชั่วคราว” ตามมาตรการป้องกันบัญชีม้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้ในปี 2567 และยังสามารถยื่นคำร้องต่อศูนย์ PCT เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพได้ด้วย
การแจ้งความออนไลน์จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถนำข้อมูลเข้าระบบกลาง ซึ่งจะถูกแชร์ให้ทุกธนาคารทราบพร้อมกัน ทำให้การอายัดบัญชีและติดตามเส้นทางการเงินทำได้เร็วขึ้น
ปี 2568 กับมาตรการใหม่ “บัญชีต้องสงสัย” ของธนาคาร
ตั้งแต่ต้นปี 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มโครงการ “บัญชีต้องสงสัย” เพื่อป้องกันการโอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพ โดยธนาคารทุกแห่งต้องรายงานบัญชีที่มีธุรกรรมผิดปกติ เช่น รับเงินจากหลายบัญชีพร้อมกัน หรือมียอดเงินเข้าออกต่อวันสูงเกินปกติ
เมื่อระบบตรวจพบ ธนาคารจะ “ระงับบัญชีชั่วคราว” และแจ้งให้เจ้าของบัญชีแสดงหลักฐานว่ามีธุรกรรมถูกต้อง หากพิสูจน์ไม่ได้ บัญชีจะถูกอายัดถาวรและส่งข้อมูลให้ตำรวจดำเนินคดี
มาตรการนี้ทำให้จำนวนบัญชีม้าในระบบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยให้ประชาชนมั่นใจได้มากขึ้นในการทำธุรกรรมออนไลน์
เคล็ดลับป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
-
เช็คชื่อบัญชีก่อนโอนทุกครั้ง ว่าตรงกับชื่อร้านหรือบุคคลที่ทำธุรกรรมจริง
-
หลีกเลี่ยงการโอนเข้าบัญชีที่เพิ่งเปิดใหม่ หรือชื่อไม่คุ้นเคย
-
อย่าเชื่อราคาที่ถูกเกินจริง เพราะมิจฉาชีพมักใช้ราคาล่อใจ
-
อย่ากรอกข้อมูลส่วนตัวในลิงก์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา เช่น SMS หรือข้อความไลน์แปลกๆ
-
บันทึกหลักฐานการโอนเงินไว้ทุกครั้ง เพื่อใช้ประกอบการแจ้งความหากเกิดเหตุ
นอกจากนี้ หากคุณสงสัยว่าได้รับข้อความหลอกลวง เช่น SMS ปลอมจากธนาคาร หรืออีเมลแจ้งเตือนผิดปกติ สามารถส่งหลักฐานไปที่ อีเมล scamalert@bankofthailand.or.th หรือโทรสายด่วน กสทช. 1186 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
การเช็คบัญชีมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดีย
นอกจากเว็บไซต์ทางการแล้ว ตอนนี้ยังมีช่องทางโซเชียลมีเดียที่คนไทยนิยมใช้ในการ “เช็คบัญชีมิจฉาชีพ” เช่น กลุ่ม Facebook อย่าง “อย่าหลงโอนเงินให้มิจฉาชีพ” หรือ “เช็คบัญชีมิจฉาชีพก่อนโอน” ซึ่งมีสมาชิกหลายแสนคน
ผู้ใช้งานจะโพสต์รายชื่อบัญชีต้องสงสัยพร้อมหลักฐาน เช่น สลิปโอนเงินหรือบทสนทนากับคนขาย เพื่อเตือนผู้อื่นให้ระวัง แม้ข้อมูลในกลุ่มเหล่านี้จะไม่เป็นทางการ แต่ก็มักช่วยให้คนทั่วไปตัดสินใจได้เร็วขึ้นก่อนจะตกเป็นเหยื่อ
อย่างไรก็ตาม ควรใช้วิจารณญาณเพราะบางกรณีอาจเป็นการโพสต์ผิดคน หากไม่แน่ใจ ควรตรวจสอบเพิ่มเติมกับเว็บไซต์ของตำรวจเพื่อความถูกต้อง
ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ร่วมมือกันในโครงการ “ศูนย์ต่อต้านมิจฉาชีพออนไลน์แห่งชาติ (Anti-Scam Center)” เพื่อรวมฐานข้อมูลบัญชีมิจฉาชีพและเชื่อมต่อข้อมูลกับทุกธนาคาร
เป้าหมายคือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบเลขบัญชีได้เพียงครั้งเดียวและเห็นผลจากทุกธนาคารทันที ถือเป็นความก้าวหน้าในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ของไทย
เมื่อพบบัญชีต้องสงสัย ควรทำอย่างไร
หากคุณตรวจสอบแล้วพบว่าบัญชีที่กำลังจะโอนมีประวัติในฐานข้อมูลมิจฉาชีพ ควรหยุดการโอนทันที และหากมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ข้อความหลอกลวงหรือหลักฐานการแชท ควรบันทึกไว้เพื่อแจ้งศูนย์ต่อต้านมิจฉาชีพ
การรายงานของคุณอาจช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อ ซึ่งทุกครั้งที่มีการแจ้งเพิ่มเติม ข้อมูลจะถูกบันทึกเข้าสู่ระบบกลางของตำรวจและธนาคารทันที
สรุป: เช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพก่อนโอนทุกครั้ง ปลอดภัยกว่าเสมอ
ในปี 2568 การโอนเงินผ่านแอปเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน การ “เช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ” ก่อนโอนจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ “ความจำเป็น” ที่ทุกคนต้องทำให้เป็นนิสัย
เพียงไม่กี่วินาทีในการตรวจสอบ อาจช่วยคุณประหยัดเงินหลักหมื่นหรือหลักแสน และช่วยให้ระบบการเงินไทยปลอดภัยจากมิจฉาชีพมากขึ้น
ถาม-ตอบ: เช็คบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ
ถาม: จะรู้ได้อย่างไรว่าบัญชีที่กำลังจะโอนเป็นบัญชีมิจฉาชีพหรือไม่
ตอบ: สามารถเช็คผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อตรวจสอบว่ามีการแจ้งความร้องเรียนหรือไม่
ถาม: ถ้าเผลอโอนเงินไปแล้ว ทำยังไงให้ได้เงินคืน
ตอบ: ให้รีบแจ้งธนาคารต้นทางและปลายทางเพื่อขอระงับบัญชี พร้อมแจ้งความที่สถานีตำรวจหรือออนไลน์ภายใน 24 ชั่วโมง
ถาม: บัญชีม้าโดนจับจริงไหม
ตอบ: จริง เพราะตามกฎหมายฟอกเงิน ผู้เปิดบัญชีให้ผู้อื่นใช้มีความผิดเช่นเดียวกับมิจฉาชีพ
ถาม: ถ้าได้รับข้อความ SMS จากธนาคารให้กดลิงก์ ควรทำยังไง
ตอบ: ห้ามกดลิงก์เด็ดขาด เพราะอาจเป็นเว็บปลอมที่ดักข้อมูลส่วนตัว ควรโทรสอบถามธนาคารโดยตรง
ถาม: มีแอปไหนช่วยเช็คบัญชีมิจฉาชีพได้บ้าง
ตอบ: หลายธนาคาร เช่น SCB EASY, K PLUS, Krungthai NEXT เริ่มมีระบบแจ้งเตือนเมื่อบัญชีปลายทางต้องสงสัย
ถาม: เช็คบัญชีมิจฉาชีพได้ฟรีไหม
ตอบ: ได้ฟรีทุกช่องทาง ทั้งผ่านเว็บไซต์ตำรวจและศูนย์ต่อต้านมิจฉาชีพออนไลน์