ปี 2568 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของมาตรการแก้หนี้ภาคครัวเรือน — หลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออก ประกาศ Responsible Lending ฉบับใหม่เมื่อ 31 มกราคม 2568 เพื่อบังคับให้สถาบันการเงินลดแรงกดดันดอกเบี้ยและยืดชำระให้เหมาะกับฐานรายได้ ขณะเดียวกัน ธปท. ย้ำว่า หนี้ครัวเรือนแตะ 16.34 ล้านล้านบาท (89 % ของ GDP) และจำเป็นต้องมี “วินัยกู้ – วินัยใช้”ทำให้ธนาคารพาณิชย์พัฒนาโครงการ Debt Consolidation ที่ตรงจุดกว่าเดิม ทั้งแบบใช้หลักประกัน (บ้าน/คอนโด) และแบบสินเชื่อส่วนบุคคลอนุมัติเร็ว เสริมด้วยมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ของรัฐบาลที่บังคับลดดอกเบี้ยและพักชำระเงินต้นบางส่วน
หลักคิดของการรวมหนี้: มากกว่าแค่ “ดอกเบี้ยต่ำ”
-
ลดภาระดอกเบี้ยโดยรวม เพราะเปลี่ยนดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18–25 % ต่อปี มาเป็นอัตรากู้ที่เริ่มต้นต่ำกว่าสองหลัก
-
ยืดระยะเวลาผ่อน ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลงชัดเจน แม้จำนวนดอกเบี้ยตลอดสัญญาจะสูงขึ้น
-
ข้อมูลเครดิตดีขึ้น เมื่อปิดบัญชีที่มีสถานะค้างชำระแล้วเหลือเพียงสินเชื่อตัวเดียว
-
มีโอกาสจบหนี้เร็ว หากวางแผนโปะเพิ่มทุกครั้งที่มีเงินก้อน
-
ความเสี่ยงใหม่ คือหากเลือกสินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน แต่สุดท้ายยังชำระไม่ได้ ย่อมเสี่ยงเสียทรัพย์
เกณฑ์คัดเลือกสินเชื่อรวมหนี้ 2568
-
อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นและโครงสร้างดอกเบี้ยลอยตัว/คงที่
-
ค่าธรรมเนียม เช่น ประเมินหลักประกัน จัดทำนิติกรรม หรือเบี้ยปรับ
-
วงเงินสูงสุด เทียบรายได้และมูลค่าหลักประกัน
-
ความยืดหยุ่นการผ่อน พักชำระเงินต้นได้หรือไม่
-
โปรแกรมจูงใจ เช่น ส่วนลดดอกเบี้ยปีแรก หรือ Cashback ปิดบัญชีเก่า
-
ช่องทางสมัคร ออนไลน์เต็มรูปแบบยิ่งลดขั้นตอน
10 สินเชื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว 2568
เรียงลำดับตามตัวอักษร เพื่อความเป็นกลาง
1. กสิกรไทย – “คุณสู้ เราช่วย 2568”
โครงการแฟล็กชิปที่ลดดอกเบี้ยลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ทุกกลุ่มหนี้ — บ้าน รถ SME จนถึงบัตรเครดิต ให้เลือกรูปแบบ “จ่ายตรง คงทรัพย์” หรือ “จ่าย-ปิด-จบ” โดยพักดอกเบี้ยสูงสุด 3 ปี และตัดเงินต้นทันที เหมาะกับผู้กู้ที่มีบ้านอยู่แล้วและต้องการควบหนี้ทั้งหมดไว้ในวงเงินบ้าน
วิธีสมัคร ผ่านสาขา / K-Contact Center / เว็บไซต์ภายใน 30 มิ.ย. 2568
เอกสารสำคัญ โฉนดบ้าน, สเตตเมนต์ 6 เดือน, สลิปเงินเดือน, หนังสือแสดงยอดหนี้เก่า
ข้อดี ดอกเบี้ยต่ำสุดในกลุ่ม (ปัจจุบัน MRR 7.08 % – 7.34 %) และพักชำระเงินต้น
ข้อเสีย ใช้หลักประกัน; อนุมัติช้าเพราะต้องจดจำนองใหม่ (Kasikornbank, Kasikornbank)
2. กรุงศรี – Balance Transfer Personal Loan
สินเชื่อส่วนบุคคลไม่ต้องใช้หลักประกัน วงเงิน 5 เท่าของรายได้ สูงสุด 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 15.99 – 24 % ขึ้นกับรายได้ และมี Top-up ให้ตัดยอดบัตรเครดิตโดยตรง
สมัครง่าย ออนไลน์รู้ผลเบื้องต้นภายใน 1 วันทำการ
ข้อดี อนุมัติง่าย, โปะได้ตลอดโดยไม่มีค่าปรับ
ข้อเสีย ดอกเบี้ยยังสูงกว่าสินเชื่อมีหลักประกัน (krungsri.com)
3. กรุงศรี Home for Cash – รีไฟแนนซ์พร้อมรวมหนี้
ต่อยอดจากสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ให้กดวงเงินส่วนต่างเพื่อนำไปปิดหนี้บัตร/สินเชื่อส่วนบุคคล ดอกเบี้ยโปรโม 6.472 – 10.175 % ช่วง 3 ปีแรก หลังจากนั้นลอยตาม MLR
จุดเด่น ยอดเดียวรวมบ้านและหนี้บัตร ทำให้ DTI ชัดเจน
ข้อจำกัด ต้องมีภาระหนี้บัตรในชื่อผู้กู้เท่านั้น (krungsri.com)
4. กรุงไทย – “สินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน”
เจาะกลุ่มข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ มีสวัสดิการหักเงินเดือนตรงจากกรมบัญชีกลาง ดอกเบี้ยคงที่ต่ำกว่า 10 % และให้รวมหนี้บัตร สินเชื่อบุคคล และบ้านจากสถาบันอื่นได้
ข้อดี ไม่ต้องใช้หลักประกันเพิ่ม, การหักเงินเดือนทำให้ธนาคารมองความเสี่ยงต่ำ
ข้อเสีย จำกัดอาชีพ, ยอดกู้สูงสุดผูกกับวงเงินสวัสดิการ (Krung Thai Bank)
5. ซีไอเอ็มบี ไทย – Personal Cash Debt Consolidation
วงเงิน 5 เท่ารายได้ สูงสุด 1.5 ล้านบาท ให้อัตราดอกเบี้ย ลดลง 2 % จากเรตปกติหากนำสำเนาใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตแนบตอนสมัคร
ข้อดี อนุมัติเร็วภายใน 3 วันทำการ, ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกใช้วงเงิน
ข้อเสีย เรตดอกเบี้ยอิง MRR+ อยู่ราว 18–21 % หลังโปรโม 6 เดือนแรก (CIMB Thai Bank)
6. ทีทีบี (TTB) – Cash2Go รีไฟแนนซ์บัตร
เน้น Speed Loan รู้ผลใน 30 นาทีผ่านแอป ttb touch วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท หรือ 5 เท่ารายได้ และลดดอกเบี้ย 2 % conditional เมื่อสมัครประกันชีวิตควบคู่
ข้อดี ดำเนินการออนไลน์ 100 %, ดอกเบี้ยเริ่ม 17 % ต่ำกว่าบัตรเครดิต
ข้อเสีย ถ้าไม่ซื้อประกัน ดอกเบี้ยจะขยับขึ้นสูงสุด 25 % (ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต)
7. ไทยพาณิชย์ – SCB x CardX ลดภาระหนี้
โครงการพิเศษ 1 ก.พ.–30 เม.ย. 2568 ให้ลูกค้าที่มี “สินเชื่อบ้าน SCB” ขอกู้เพิ่มไปปิดบัตรเครดิต CardX โดยอัตราดอกเบี้ยตามแพ็กเกจรีไฟแนนซ์บ้าน (ต่ำกว่าสองหลัก)
จุดเด่น ปิดบัตรเครดิตการันตีประวัติเครดิตสะอาด, ยืดผ่อนถึง 30 ปี
ข้อด้อย ช่วงเวลาสมัครจำกัด, ผูกตัวผู้กู้กับบ้าน SCB เท่านั้น (SCB Bank)
8. ยูโอบี – Xpress Loan Debt Consolidation
สินเชื่อบุคคลที่ใช้ “วงเงินอนุมัติ–ปิดยอด–ชำระคืน” แบบอัตโนมัติในวันโอน ดอกเบี้ยโปร 7.99 % ช่วง 2 เดือนแรก จากนั้นปรับตามโปรไฟล์รายได้
จุดแข็ง รายได้ขั้นต่ำ 15,000 บ./ด. ก็ยื่นได้, วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท
ข้อจำกัด ดอกเบี้ยลอยตัวเร็วหลังสิ้นสุดโปรโม (UOB Bank Thailand)
9. ออมสิน – Home 4 Cash (บ้านแลกเงิน)
โอนกรรมสิทธิ์บ้านมาค้ำประกัน รับวงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท เพื่อนำไปปิดหนี้รวมได้ทุกประเภท ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก จากนั้น MOR-0.5 %
ข้อดี วงเงินสูง, ผ่อนยาว 40 ปี
ข้อเสีย ค่าประเมินหลักประกัน 0.25 % ของราคาประเมิน, เสี่ยงสูญบ้าน (GSB)
10. ธอส. – “โครงการบ้านเพื่อคุณ 2568” (รวมหนี้ในสินเชื่อรีไฟแนนซ์)
แม้ตั้งเป้ารีไฟแนนซ์เพื่อ “เงินทอน” เป็นหลัก แต่ ธอส. เปิดทางให้ใช้ส่วนต่างวงเงินปิดหนี้บัตรได้ ดอกเบี้ยคัดกรองตามกลุ่มรายได้ (เฉลี่ย 3.25 – 4.25 % ช่วง 3 ปีแรก)
ข้อดี ดอกเบี้ยต่ำสุดในตลาดสินเชื่อมีหลักประกัน, ยืดได้ 40 ปี
ข้อเสีย ต้องโอนหนี้บ้านมา ธอส. พร้อมค่าธรรมเนียมจดจำนองใหม่ (GH Bank)
วิธีสมัคร + เอกสารที่ต้องเตรียม
-
เลือกแพ็กเกจที่ตรงรายได้และหลักประกัน เช็กเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ, คุณสมบัติผู้กู้ร่วม, และวงเงินสูงสุด
-
เตรียมเอกสารส่วนบุคคล
-
บัตรประชาชน / ทะเบียนบ้าน
-
เอกสารยืนยันรายได้ (สลิป 1–3 เดือน + หนังสือรับรองเงินเดือน) หรือ สำเนาหนังสือจดทะเบียนพาณิชย์กรณีอาชีพอิสระ
-
รายการเดินบัญชี 6 เดือน
-
ใบแจ้งหนี้เดิมทุกใบที่ต้องการปิด
-
-
กรณีใช้หลักประกัน เตรียมโฉนดที่ดิน, หนังสือปลอดภาระ, ใบประเมินราคาทรัพย์
-
สมัคร ผ่านสาขา/แอป/เว็บไซต์ พร้อมยินยอมให้เช็ก เครดิตบูโร
-
รออนุมัติและเซ็นสัญญา ธนาคารบางแห่งโอนตรงไปยังเจ้าหนี้เดิมเพื่อล็อกยอดและป้องกันใช้เงินผิดวัตถุประสงค์
เตรียมตัวให้ “ผ่าน” ตั้งแต่ครั้งแรก
-
รักษา DTI ต่ำกว่า 50 % โดยปิดบัตรที่ไม่จำเป็นก่อนยื่น
-
ชำระค่างวดปัจจุบันตรงเวลาอย่างน้อย 6 งวด เพื่อสร้าง Pattern การจ่าย
-
รวมเอกสารให้ครบ เพื่อเลี่ยงการติดต่อซ้ำหลายรอบ
-
อย่ายื่นหลายแบงก์พร้อมกัน เพราะระบบเครดิตบูโรจะบันทึก Inquiry — ธนาคารมองเสี่ยง
-
แสดงหลักฐานรายได้เสริม เช่น การค้าออนไลน์ สัญญาเช่า โชว์เป็น Statement ช่วยเพิ่มความสามารถชำระ
-
จัดเตรียมผู้กู้ร่วม (ถ้ามี) โดยเลือกผู้มีประวัติการเงินสะอาด มีรายได้ประจำสูงกว่าผู้กู้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1 : ถ้าเคยค้างชำระเกิน 90 วัน จะยื่นรวมหนี้ได้ไหม?
A : ได้ในบางโปรแกรม เช่น “จ่าย-ปิด-จบ” ของกสิกรไทย หรือโครงการแก้หนี้ยั่งยืน ธปท. แต่ธนาคารจะขอดูหลักฐานรายได้ที่ฟื้นตัวแล้ว พร้อมกำหนดดอกเบี้ยสูงกว่าปกติในช่วงแรก
Q2 : ปิดบัตรเครดิตแล้วต้องยกเลิกบัตรหรือไม่?
A : แนะนำให้ยกเลิกหรือปรับวงเงินลง เพื่อลดความเสี่ยงกลับไปก่อหนี้ซ้ำ ธนาคารผู้ปล่อยรวมหนี้อาจกำหนดเป็นเงื่อนไขอนุมัติ
Q3 : ใช้สินเชื่อบุคคลรวมหนี้ ดอกเบี้ยกดได้ต่ำสุดเท่าใด?
A : ตามข้อมูลปี 2568 ดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุดอยู่ที่ 7.99 % ช่วงโปร 2 เดือน (UOB) และ 9.99 % กรุงศรี หากรายได้สูงกว่า 80,000 บ./เดือน
Q4 : ถ้ามีบ้านแต่ติดภาระจำนองเดิมเต็มวง จะรวมหนี้เพิ่มได้หรือไม่?
A : ต้องประเมินราคาตลาดปัจจุบันแล้วคำนวณส่วนต่าง (Equity) หากราคาใหม่สูงพอ ธนาคารจะให้วงเงิน Top-up ไปปิดหนี้เก่าได้
Q5 : รวมหนี้แล้วจ่ายช้าครั้งเดียวกระทบเครดิตมากไหม?
A : การรวมหนี้เปลี่ยนภาระทั้งหมดให้เหลือสัญญาเดียว — จึงทำให้สัญญานี้ “สำคัญที่สุด” หากผิดนัด 30 วัน จะถูกบันทึกทันทีและทำให้โอกาสรีไฟแนนซ์ครั้งต่อไปยากขึ้นมาก
สรุป
การรวมหนี้ในปี 2568 ไม่ใช่เพียง “ลดดอกเบี้ย” แต่เป็นการรีเซ็ตวินัยการเงินใหม่ทั้งหมด ผู้กู้ต้องวิเคราะห์ต้นทุน–ประโยชน์ของแต่ละผลิตภัณฑ์และประเมินความเสี่ยงในการใช้หลักประกัน บ้านแลกเงินแม้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด แต่ถ้ารายได้สั่นคลอนก็เสี่ยงสูง ส่วนสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ไม่มีภาระจำนอง เคล็ดลับคือ เตรียมเอกสารครบ รักษาเครดิตให้ดี และอย่าหยุดจ่ายค่างวดระหว่างรอผล เมื่อทำได้ “รวมหนี้” คือเครื่องมือพลิกภาระดอกเบี้ยก้อนโตให้กลายเป็นเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง