ยืมเงินทรู 100 บาท กดอะไร 2025

ในช่วงที่เกิดเหตุฉุกเฉินทางการเงิน การยืมเงินผ่านผู้ให้บริการมือถือเช่นทรู (TrueMove H) กลายเป็นหนึ่งในวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการใช้เงินจำนวนไม่มาก เช่น 100 บาท ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้เติมค่าโทรศัพท์ หรือซื้ออินเทอร์เน็ตเสริมได้ทันที บทความนี้จะลงลึกถึงรายละเอียดของบริการยืมเงินทรู 100 บาท พร้อมทั้งวิธีการกดรหัส วิธีสมัครให้สำเร็จ ข้อดี-ข้อเสีย รีวิวจากประสบการณ์จริง และเปรียบเทียบกับบริการยืมเงินจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ


บริการยืมเงินทรู 100 บาทคืออะไร?

บริการยืมเงินทรูเป็นหนึ่งในบริการที่ TrueMove H มอบให้แก่ลูกค้าแบบเติมเงิน เพื่อช่วยให้สามารถใช้งานบริการมือถือได้ต่อเนื่องแม้เงินในบัญชีจะหมด โดยวงเงินที่ให้ยืมเริ่มตั้งแต่ 10 บาท ไปจนถึงหลักร้อยบาท ซึ่งในที่นี้เรากำลังพูดถึงวงเงินยืม 100 บาท ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน เช่น โทรศัพท์ระหว่างวัน หรือเติมอินเทอร์เน็ต


วิธีการยืมเงินทรู 100 บาท (กดอะไร?)

  1. ตรวจสอบสิทธิ์การยืม:
    ก่อนอื่น คุณต้องตรวจสอบว่าบัญชีของคุณสามารถใช้บริการนี้ได้หรือไม่ โดยกด *937# แล้วโทรออก รอข้อความแจ้งว่าคุณมีสิทธิ์ใช้บริการยืมเงินหรือไม่

  2. กดรหัสยืมเงิน:
    หากคุณมีสิทธิ์ยืมเงินจำนวน 100 บาท ให้กดรหัส 911100# แล้วโทรออก จากนั้นรอข้อความยืนยันวงเงินที่ได้รับ

  3. รับเงินเข้าบัญชี:
    เมื่อได้รับข้อความยืนยัน เงินจำนวน 100 บาทจะถูกเติมเข้าสู่บัญชีของคุณทันที พร้อมใช้งาน


เงื่อนไขการใช้งานและเอกสารประกอบ

  • ไม่มีเอกสารประกอบ:
    การยืมเงินทรูเป็นบริการเสริมสำหรับผู้ใช้มือถือแบบเติมเงิน โดยไม่ต้องยื่นเอกสารใดๆ
  • ข้อจำกัด:
    ต้องเป็นลูกค้าที่ใช้เบอร์ทรูมาแล้วอย่างน้อย 90 วัน และมีประวัติการเติมเงินอย่างต่อเนื่อง
  • ค่าธรรมเนียม:
    มีค่าธรรมเนียมในการยืมเงิน โดยจะถูกหักออกจากการเติมเงินครั้งถัดไป (เช่น หากคุณยืม 100 บาท อาจต้องเติมเงิน 110 บาทเพื่อเคลียร์ยอดที่ยืมพร้อมค่าธรรมเนียม)

เทคนิคสมัครผ่านและใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

  1. รักษาประวัติการเติมเงินให้ดี:
    การมีประวัติการเติมเงินสม่ำเสมอ และไม่ค้างชำระเงินที่ยืม จะช่วยให้คุณสามารถใช้บริการนี้ได้ต่อเนื่อง
  2. ตรวจสอบสิทธิ์ล่วงหน้า:
    กด *937# เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ก่อนยืม เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังมีวงเงินยืมที่สามารถใช้งานได้
  3. เลือกวงเงินให้เหมาะสม:
    หากคุณต้องการเพียงจำนวนเงินเล็กน้อย เช่น 20 หรือ 50 บาท ให้เลือกวงเงินที่ต่ำกว่าเพื่อลดค่าธรรมเนียมสะสม
  4. เติมเงินคืนโดยเร็ว:
    เมื่อคุณมีเงินเพียงพอ ควรเติมเงินคืนทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการค้างชำระที่อาจทำให้ไม่สามารถยืมเงินในอนาคตได้

ข้อดีของการยืมเงินทรู

  • สะดวกและรวดเร็ว:
    ไม่ต้องไปที่ศูนย์บริการหรือทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน เพียงกดรหัสก็ได้รับเงินในทันที
  • ไม่มีเอกสาร:
    ไม่ต้องเตรียมเอกสารใดๆ หรือแสดงหลักฐานรายได้
  • เหมาะสำหรับเงินจำนวนเล็กน้อย:
    ช่วยให้คุณมีเงินพร้อมใช้งานในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องใช้บริการมือถือในทันที

ข้อเสียของการยืมเงินทรู

  • ค่าธรรมเนียม:
    แม้ว่าการยืมเงินทรูจะสะดวก แต่ก็มีค่าธรรมเนียมที่อาจทำให้คุณต้องจ่ายเพิ่มมากกว่าที่ยืมไป
  • วงเงินจำกัด:
    วงเงินที่สามารถยืมได้ขึ้นอยู่กับประวัติการใช้งาน หากคุณมีการเติมเงินไม่สม่ำเสมอ วงเงินที่ได้รับอาจต่ำกว่าที่ต้องการ
  • ต้องมีประวัติการใช้งาน:
    บริการนี้ไม่สามารถใช้ได้ทันทีสำหรับผู้ใช้งานใหม่ ต้องมีประวัติการใช้งานเบอร์ทรูมาระยะหนึ่ง

รีวิวจากประสบการณ์จริง

รีวิวที่ 1: คุณสมชาย (พนักงานบริษัท)
“ผมใช้บริการยืมเงินทรูบ่อยครั้งเมื่อจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์แต่เงินในบัญชีหมด การกดรหัสยืมเงิน 100 บาทช่วยให้สามารถโทรออกได้ทันทีโดยไม่ต้องไปเติมเงินที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ควรเติมเงินคืนเร็วๆ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมสูง”

รีวิวที่ 2: คุณกัญญา (นักศึกษา)
“ดิฉันเคยใช้บริการยืมเงินทรู 100 บาทตอนเงินหมดระหว่างเดินทาง ตอนแรกกลัวว่าจะยุ่งยาก แต่พอกดรหัสตามที่ระบบแจ้ง เงินก็เข้ามาในทันที สะดวกและง่ายมากๆ”


สินเชื่อหรือบริการที่คล้ายคลึงกัน

1. AIS One-2-Call บริการให้ยืมนะ:
สำหรับลูกค้า AIS แบบเติมเงิน สามารถกดรหัส *611# เพื่อยืมเงินได้เช่นกัน โดยวงเงินเริ่มต้นที่ 20 บาทไปจนถึงหลักร้อยบาท

  • ลิงก์ติดต่อ: ais.co.th

2. DTAC ใจดีให้ยืม:
บริการยืมเงินจาก DTAC สำหรับลูกค้าแบบเติมเงิน กดรหัส *110# เพื่อเช็คสิทธิ์และยืมเงินได้ทันที

3. TrueMoney Wallet (ยืมเงินผ่านแอป):
สำหรับผู้ที่มี TrueMoney Wallet คุณสามารถสมัครสินเชื่อผ่านแอปเพื่อวงเงินที่สูงขึ้น เช่น สินเชื่อ Wallet Credit


สรุป

บริการยืมเงินทรู 100 บาทเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานมือถือ โดยไม่ต้องเตรียมเอกสารหรือเดินทางไปที่ศูนย์บริการ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรคำนึงถึงค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการใช้บริการเพื่อไม่ให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต รวมถึงเปรียบเทียบกับบริการอื่น ๆ เพื่อเลือกใช้ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด