หลายคนในปี 2568 เจอกับปัญหาซ้ำ ๆ ว่า “สมัครบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่ออะไรก็ไม่ผ่านเลย” ไม่ว่าจะสมัครกี่เจ้าก็โดนปฏิเสธหมด แม้จะมีงานประจำ รายได้พอใช้ หรือแม้แต่ไม่มีหนี้ก็ยังไม่ผ่าน บทความนี้จะพาไปไขคำตอบว่า เพราะอะไรคุณถึงสมัครบัตรอะไรก็ไม่ผ่าน และที่สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้สมัครผ่านในครั้งต่อไป โดยไม่เสียเครดิต ไม่เสียเวลา
7 สาเหตุหลัก ที่ทำให้สมัครบัตรไม่ผ่าน
1. รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ
แต่ละสถาบันการเงินกำหนดรายได้ขั้นต่ำต่างกัน เช่น
-
บัตรเครดิต: รายได้ขั้นต่ำ 15,000 – 20,000 บาท
-
บัตรกดเงินสด: เริ่มที่ 7,000 – 10,000 บาท
ปัญหาคือ บางคนมีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด หรือรายได้ไม่สม่ำเสมอ เช่น ฟรีแลนซ์ รายรับเดือนนี้มี เดือนหน้าไม่มี ระบบจะมองว่า “เสี่ยง”
2. ไม่มีสลิปเงินเดือน หรือหลักฐานรายได้ไม่ชัด
โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ ขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ หากไม่มีรายการเดินบัญชีที่แสดงรายรับจริงจัง สถาบันการเงินไม่สามารถประเมินความสามารถในการชำระหนี้ได้
3. ประวัติเครดิตบูโรมีปัญหา
-
ค้างชำระเกิน 90 วัน
-
เคยผิดนัดชำระบัตรเดิม
-
ปิดหนี้ไม่เคลียร์ครบ
ระบบของธนาคารเชื่อมต่อกับข้อมูลเครดิตบูโร ทำให้คุณจะถูกมองว่า “เสี่ยงต่อการผิดนัดซ้ำ”
4. ภาระหนี้ต่อรายได้สูงเกินไป (Debt-to-Income Ratio)
ต่อให้มีรายได้ 20,000 บาท แต่มีหนี้ผ่อนบ้าน รถ บัตรอยู่รวมกันเกิน 40-50% ของรายได้ต่อเดือน ระบบจะปฏิเสธอัตโนมัติ
5. เพิ่งเปลี่ยนงาน หรือทำงานยังไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ
หากคุณเพิ่งเริ่มงานใหม่ และยังทำงานไม่ถึง 4-6 เดือน บางสถาบันจะยังไม่พิจารณาให้สินเชื่อ
6. สมัครบัตรพร้อมกันหลายที่เกินไปในระยะสั้น
ระบบตรวจสอบได้ว่าคุณยื่นสมัครกับหลายเจ้าพร้อมกัน เช่น สมัคร 5 ที่ใน 1 เดือน จะถูกมองว่า “กำลังเดือดร้อนเงิน” = เสี่ยง
7. ข้อมูลในใบสมัครไม่ตรง/ผิดพลาด
-
รายได้ไม่ตรงกับเอกสาร
-
เบอร์โทรติดต่อไม่ได้
-
ที่อยู่ไม่ชัดเจน
แม้เป็นจุดเล็ก แต่ธนาคารจะไม่เสี่ยงให้ผ่านถ้าข้อมูลไม่แม่นยำ
วิธีแก้ไขเมื่อสมัครบัตรไม่ผ่าน — เปลี่ยนใหม่ สมัครผ่านแน่นอน
1. เช็กเครดิตบูโรก่อนสมัคร
-
โหลดแอป Krungthai NEXT, mymo หรือใช้บริการเครดิตบูโร
-
ถ้าเคยมีหนี้ค้าง ให้ปิดแล้วขอใบปิดบัญชี
-
เว้นช่วงอย่างน้อย 3 เดือนก่อนสมัครใหม่
2. รวบรวมรายได้เข้าบัญชีเดียวให้สม่ำเสมอ
-
โดยเฉพาะผู้มีอาชีพอิสระ ต้องให้บัญชีมีรายรับทุกเดือน
-
ไม่ควรรับเงินสดล้วน พยายามให้โอนผ่านบัญชี
3. รอให้ทำงานครบ 4-6 เดือนก่อนสมัคร
-
โดยเฉพาะกับงานประจำใหม่ ควรมีหนังสือรับรองงาน หรือสลิปเงินเดือน
4. ลดภาระหนี้ก่อนสมัคร
-
ปิดบัตรใบเก่าที่ไม่ได้ใช้
-
ปิดสินเชื่อบางตัวให้ภาระรายเดือนลดลง
5. เว้นระยะห่างในการสมัคร
-
สมัครครั้งเดียว รอผลก่อน
-
ไม่สมัครหลายเจ้าพร้อมกันในเดือนเดียว
6. เลือกสถาบันที่เหมาะกับรายได้จริงของคุณ
-
ถ้ารายได้น้อยกว่า 15,000 บาท ให้เน้นสมัคร “บัตรกดเงินสด” แทน “บัตรเครดิต” เช่น Umay+, FINNIX, Line BK
ถาม–ตอบ: สมัครบัตรไม่ผ่าน ต้องทำอย่างไร?
Q: สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน แปลว่าติดบูโรไหม?
A: ไม่เสมอไป อาจเกิดจากรายได้น้อย หรือภาระหนี้เกินเกณฑ์ ควรเช็กบูโรเพื่อความแน่ใจ
Q: สมัครไม่ผ่าน ต้องรอกี่เดือนถึงสมัครใหม่ได้?
A: แนะนำให้รออย่างน้อย 3 เดือน พร้อมปรับปรุงโปรไฟล์ให้ดีขึ้น
Q: ฟรีแลนซ์ไม่มีสลิปเงินเดือน จะสมัครบัตรได้ไหม?
A: ได้ ถ้าคุณมีรายการเดินบัญชีที่แสดงรายได้ชัดเจน อย่างน้อย 3-6 เดือน
Q: สมัครแอปเงินด่วนแทนบัตรได้ไหม?
A: ได้ แอปที่ถูกกฎหมายอย่าง FINNIX, LINE BK เหมาะสำหรับคนรายได้น้อย อาชีพอิสระ ใช้เพียงบัตรประชาชนและรายการเดินบัญชี
สรุป: ไม่ผ่านวันนี้ ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ตลอดไป
การสมัครบัตรไม่ผ่านในปี 2568 มักเกิดจากระบบวิเคราะห์ความเสี่ยง ไม่ได้ตัดสินจาก “คุณไม่ดี” แต่ตัดสินจาก “ข้อมูล” ที่คุณให้และประวัติการเงินที่ตรวจสอบได้ ถ้าคุณเข้าใจจุดอ่อนของตนเองและปรับให้ถูกจุด รอบหน้าโอกาสผ่านจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน