
ในยุคที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยังคงเผชิญปัญหาความไม่มั่นคงทางการเงิน ทั้งราคาค่าครองชีพที่สูงขึ้น รายได้ที่ไม่เพิ่มตาม และสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน สินเชื่อส่วนบุคคลและนาโนไฟแนนซ์จึงกลายเป็นเครื่องมือที่หลายคนใช้เพื่อพยุงชีวิตและธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
หนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตาในตลาดปี 2568 คือ Big Money Plus บริษัทปล่อยสินเชื่อที่ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “ไม่รับสมัครออนไลน์ทุกกรณี” เพื่อป้องกันการถูกแอบอ้างและหลอกลวง และยังวางตัวเป็นทางเลือกตรงกลางระหว่างธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยกู้ยาก กับเงินกู้นอกระบบที่ดอกเบี้ยโหดและเสี่ยงอันตราย
แต่คำถามคือ สินเชื่อจาก Big Money Plus นั้นคือทางรอดจริง ๆ หรืออาจกลายเป็น “บ่วงหนี้” แบบที่คนไทยต้องระวัง?
ทำความรู้จัก Big Money Plus
Big Money Plus เป็นบริษัทสินเชื่อที่เปิดให้บริการอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่แถวรามอินทรา จุดแข็งของที่นี่คือการ กำหนดขั้นตอนการสมัครแบบออฟไลน์เท่านั้น หมายความว่า หากใครสนใจต้องเดินทางไปยื่นเอกสารที่สำนักงานเอง ไม่สามารถสมัครผ่านเว็บหรือแอปมือถือได้
แนวทางนี้ฟังดูย้อนยุคในสมัยที่ใคร ๆ ก็แข่งขันเปิดช่องทางดิจิทัล แต่กลับตอบโจทย์ความปลอดภัย เพราะทุกวันนี้มีมิจฉาชีพใช้ชื่อบริษัทสินเชื่อมาหลอกคนให้โอนเงินมัดจำก่อนอนุมัติอยู่เรื่อย ๆ Big Money Plus เลยเลือกปิดช่องโหว่นี้ตั้งแต่ต้นทาง
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลัก
Big Money Plus มีสินเชื่อหลัก 2 กลุ่ม ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคล และ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์
1. สินเชื่อส่วนบุคคล
เหมาะกับทั้งมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของกิจการที่ต้องการเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ซ่อมบ้าน ค่าเทอมบุตร หรือใช้ชำระหนี้เก่า จุดเด่นคือ
-
อัตราดอกเบี้ย 22%–25% ต่อปี
-
ผ่อนสูงสุด 60 งวด
-
วงเงินมากกว่า 100,000 บาทได้ หากรายได้และเครดิตผ่านเกณฑ์
นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมสำหรับพนักงานที่อยู่ในระบบสวัสดิการกับบริษัท ซึ่งดอกเบี้ยถูกกว่าปกติอยู่ที่ 17%–23% ต่อปี
2. สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์
ออกแบบมาสำหรับผู้ค้าขายและผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน โดยมีเงื่อนไขว่า
-
อัตราดอกเบี้ย 33% ต่อปี
-
ผ่อนสูงสุด 24 งวด
-
วงเงินไม่เกิน 100,000 บาท
-
ต้องมีสถานประกอบการที่ตรวจสอบได้จริง
ที่สำคัญคือ ไม่ต้องใช้คนค้ำประกันหรือหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบใหญ่ แต่บริษัทจะเข้ามาตรวจสอบกิจการเพื่อความมั่นใจแทน
ใครที่กู้ได้บ้าง
Big Money Plus วางเกณฑ์ชัดเจน
-
พนักงานประจำ ต้องมีรายได้ 15,000 บาทขึ้นไป อายุงานไม่น้อยกว่า 6 เดือน ใช้เอกสารพื้นฐานครบ พร้อม Statement และ 50 ทวิ
-
เจ้าของกิจการ ต้องมีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป และจดทะเบียนธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยต้องใช้เอกสารทางการค้าประกอบ
-
ผู้กู้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ต้องมีประสบการณ์ทำธุรกิจไม่ต่ำกว่า 2 ปี และมีสถานที่ประกอบกิจการจริง
จากเกณฑ์เหล่านี้จะเห็นว่า Big Money Plus เน้นกลุ่มที่มีรายได้และกิจการพอสมควร ไม่ใช่ผู้ว่างงานหรือคนไม่มีอาชีพชัดเจน
จุดแข็งของ Big Money Plus
-
ความปลอดภัยสูง – การไม่รับสมัครออนไลน์ช่วยลดความเสี่ยงถูกโกง
-
เข้าถึงง่ายกว่าธนาคาร – แม้ไม่ใช่ทุกคนจะผ่าน แต่เงื่อนไขก็ยืดหยุ่นกว่าธนาคารที่มักตรวจเครดิตเข้มงวด
-
ทางเลือกแทนเงินกู้นอกระบบ – อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคาร แต่โปร่งใสและอยู่ในกรอบกฎหมาย ดีกว่าดอกเบี้ยโหดนอกระบบที่บางครั้งเกิน 100% ต่อปี
-
ไม่ต้องมีคนค้ำสำหรับนาโนไฟแนนซ์ – ตอบโจทย์ผู้ค้าขายรายย่อยที่ไม่มีหลักทรัพย์
จุดอ่อนและข้อจำกัด
-
ดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคาร โดยเฉพาะสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่ 33% ต่อปี หากบริหารเงินไม่ดีจะเป็นหนี้พอกพูนเร็ว
-
พื้นที่บริการจำกัด รับเฉพาะลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้คนต่างจังหวัดเข้าไม่ถึง
-
ต้องยื่นเรื่องด้วยตนเอง ไม่สะดวกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่คุ้นกับการสมัครออนไลน์
บริบทสังคมไทยกับการกู้เงิน
หากมองในเชิงพฤติกรรมทางการเงินของคนไทย จะพบว่า “สินเชื่อ” เป็นสิ่งที่มีบทบาทต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย บางคนจึงเลือกพึ่งพาสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อประคองชีวิต
ส่วนผู้ค้าขายรายย่อย เช่น แม่ค้าตลาดสด หรือเจ้าของร้านอาหารเล็ก ๆ มักต้องการเงินทุนหมุนเวียนเร่งด่วน แต่การไปขอสินเชื่อจากธนาคารไม่ง่ายเพราะเอกสารไม่ครบถ้วน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ถึงตอบโจทย์
ตัวอย่างสถานการณ์จริง
ลองนึกภาพ มนุษย์เงินเดือนวัย 30 ที่ทำงานบริษัทเอกชน มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน แต่อยากกู้เงิน 100,000 บาทเพื่อซ่อมบ้าน หากไปธนาคารอาจถูกปฏิเสธเพราะภาระหนี้เก่า แต่ Big Money Plus อาจพิจารณาได้เพราะมีอายุงานครบและรายได้เกินเกณฑ์
หรือในอีกกรณี เจ้าของร้านเสื้อผ้าในห้างย่านบางนา ที่ต้องการเงินทุนเพิ่มเพื่อสต็อกสินค้าช่วงเทศกาล ก็มักเลือกกู้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เพราะไม่ต้องมีคนค้ำ และอนุมัติง่ายกว่าการยื่นขอสินเชื่อธุรกิจจากธนาคาร
Big Money Plus ในตลาดสินเชื่อปี 2568
ตลาดสินเชื่อไทยในปีนี้กำลังเผชิญความท้าทาย ธนาคารเริ่มเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการเงินกู้ยังสูง โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายเล็ก Big Money Plus จึงเข้ามาเติมช่องว่างตรงนี้
แต่สิ่งที่ผู้กู้ต้องตระหนักคือ ดอกเบี้ยไม่ใช่ของถูก หากกู้แล้วไม่มีวินัยในการผ่อนชำระ สุดท้ายอาจกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ยากต่อการปลด
Big Money Plus เป็นอีกหนึ่ง “ตัวเลือกกลาง” สำหรับคนกรุงที่ต้องการเงินด่วน ปลอดภัยกว่าเงินกู้นอกระบบ และเข้าถึงง่ายกว่าธนาคาร แต่ก็แลกมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ผู้ที่เลือกใช้บริการควรมีวินัยทางการเงินและกู้เท่าที่จำเป็น