คนละครึ่งพลัส ได้เงินเท่าไหร่ ใครได้บ้าง สรุปใน 5 นาที 2025

โครงการนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของ “คนละครึ่ง” รุ่นก่อนหน้า ตั้งแต่ระยะที่ 1–5 ที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยให้ไม่ทรุดหนักในช่วงโควิด-19 ครั้งนี้จึงมาพร้อมแนวคิดใหม่ “พลัส” ที่หมายถึงการเพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มความมั่นใจของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน มนุษย์เงินเดือน และผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

คนละครึ่งพลัส คืออะไร ? 

โครงการ “คนละครึ่งพลัส” เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการภายใต้นโยบาย “สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มสภาพคล่อง” ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา จุดประสงค์หลักคือการให้รัฐ “ช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง” ของค่าสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนมีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้น และส่งต่อผลดีสู่ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านโชห่วย และธุรกิจท้องถิ่นทั่วประเทศ

รัฐบาลจัดสรรงบประมาณรวมกว่า 44,000 ล้านบาท เพื่อรองรับสิทธิ์จำนวน 20 ล้านสิทธิ์ โดยผู้ที่ลงทะเบียนและผ่านเกณฑ์จะได้รับเงินสนับสนุนผ่านระบบดิจิทัลในแอป เป๋าตัง ผ่านช่องทาง “GWallet” ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของยุคเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

ใครมีสิทธิ์ร่วมโครงการบ้าง?

ประชาชนที่ต้องการเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” ต้องเป็น ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประชาชน และที่สำคัญคือ ต้องไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงไม่เคยถูกระงับสิทธิ์หรือถูกเรียกเงินคืนจากโครงการรัฐอื่น ๆ เช่น คนละครึ่งระยะก่อนหน้า

เงื่อนไขนี้ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นแรงงานทั่วไป มนุษย์เงินเดือน พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย หรือคนที่ไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐโดยตรง มีโอกาสเข้าถึงสิทธิ์ได้มากขึ้น และถือเป็นการกระจายประโยชน์อย่างทั่วถึง

ได้เงินเท่าไร ใช้อย่างไร?

รัฐบาลกำหนดวงเงินสิทธิ์ไว้แตกต่างกันตามสถานะการยื่นภาษี โดยผู้ที่ ยื่นแบบภาษีประจำปี จะได้รับสิทธิ์ 2,400 บาท ตลอดโครงการ ส่วนผู้ที่ ยังไม่ยื่นภาษี จะได้รับ 2,000 บาท ตลอดโครงการ

ในแต่ละวันจะใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 200 บาท และจะต้องใช้จ่ายผ่าน GWallet ในแอปเป๋าตัง โดยร้านค้าที่ร่วมโครงการทั่วประเทศจะต้องมีเครื่องรับชำระผ่านระบบ ถุงเงิน หรือระบบพร้อมเพย์ของรัฐ

เวลาที่สามารถใช้สิทธิ์ได้คือ 06:00–23:00 น. ทุกวัน ตั้งแต่เริ่มโครงการในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2568

ที่สำคัญ ผู้ได้รับสิทธิ์ต้อง “เริ่มใช้สิทธิ์ครั้งแรกก่อนวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23:00 น.” ไม่เช่นนั้นสิทธิ์จะถูกตัดโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนลงทะเบียนง่าย ๆ ผ่าน “เป๋าตัง”

ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอป เป๋าตัง ได้ตั้งแต่วันที่ 20–26 ตุลาคม 2568 ช่วงเวลา 18:00–22:00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กระทรวงการคลังออกแบบไว้เพื่อรองรับระบบที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก

หากใครยังไม่มีแอปเป๋าตัง ให้รีบดาวน์โหลดและอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด พร้อมเปิดใช้งาน “GWallet” ไว้ล่วงหน้า ส่วนผู้ที่เคยเข้าร่วม “คนละครึ่งเฟส 5” สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้โดยตรงในแอป ส่วนผู้เข้าร่วมใหม่จะได้รับการแจ้งผลผ่าน SMS และแอปเป๋าตัง

การเปิดให้ลงทะเบียนแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบนี้สะท้อนถึงการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนคุ้นเคยกับระบบการเงินออนไลน์มากขึ้น และช่วยลดต้นทุนด้านเอกสาร รวมถึงลดความเสี่ยงจากการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก

ไทม์ไลน์โครงการคนละครึ่งพลัส

ตั้งแต่วันนี้สามารถเตรียมตัวติดตั้งแอปเป๋าตังและเปิดใช้ GWallet ได้ทันที
วันที่ 20 ตุลาคม เป็นวันแรกของการลงทะเบียน และจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 22.00 น.
จากนั้นจะเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยในช่วงแรกจะใช้ได้เฉพาะร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เป็นต้นไป จะเริ่มเปิดให้ใช้สิทธิ์ผ่านบริการ Food Delivery เช่น Grab, LINE MAN, Robinhood หรือ Foodpanda ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้กับคนเมืองและผู้สูงอายุที่อยู่บ้าน

และอย่าลืมวันที่สำคัญที่สุดคือ 11 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ต้อง “ใช้สิทธิ์ครั้งแรก” เพื่อยืนยันการเข้าร่วม มิฉะนั้นสิทธิ์จะถูกตัด

โครงการจะดำเนินไปจนถึง 31 ธันวาคม 2568 ถือเป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลที่ตั้งใจให้คนไทยทุกคนได้ใช้จ่ายแบบมีส่วนร่วม

ทำไมคนละครึ่งถึงสำคัญกับเศรษฐกิจไทย

หากย้อนกลับไป โครงการคนละครึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้รับเสียงตอบรับดีที่สุดของรัฐบาลไทยในรอบหลายปี เพราะช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อ ขณะที่ร้านค้ารายย่อยก็มีรายได้หมุนเวียนเพิ่มขึ้น

ในช่วงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่จากผลกระทบของโควิดและภาวะค่าครองชีพสูง การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบกว่า 44,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในหมู่ประชาชนกว่า 20 ล้านคน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ GDP ของประเทศ

นักเศรษฐศาสตร์บางรายมองว่า หากประชาชนใช้สิทธิ์เต็มวงเงิน เศรษฐกิจไทยอาจได้รับเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า 80,000 ล้านบาทในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นแรงผลักสำคัญให้ภาคการค้าปลีกและบริการฟื้นตัว

คนละครึ่งพลัสต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร

ความแตกต่างสำคัญของ “คนละครึ่งพลัส” คือการใช้ระบบข้อมูลภาษีมาจัดลำดับสิทธิ์ เพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น และยังเพิ่มช่องทางการใช้สิทธิ์ไปถึง Food Delivery Platform เพื่อให้โครงการตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่

อีกทั้งยังมีการควบคุมและตรวจสอบผ่านระบบดิจิทัลแบบเรียลไทม์ ลดการทุจริต เช่น การสแกนบิลปลอม หรือร้านค้าสมมติ ซึ่งเคยเป็นปัญหาในโครงการก่อนหน้า

บริบทไทย: โครงการที่สะท้อนเศรษฐกิจ “แบบมีส่วนร่วม”

สำหรับประเทศไทยที่กำลังเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง ราคาสินค้าพุ่ง และความเหลื่อมล้ำทางรายได้ การเปิดตัว “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นมาตรการที่สร้างความหวังให้กับคนจำนวนมาก ไม่เพียงช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังส่งสัญญาณว่า “รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน”

ในมุมของผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะร้านอาหาร ร้านกาแฟ และตลาดสด โครงการนี้ยังเป็นโอกาสในการเรียกลูกค้าให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะการที่รัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง ทำให้ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายมากขึ้น

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการอัดฉีดงบมหาศาลอาจกระทบเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว แต่ในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ หลายฝ่ายเห็นว่ามาตรการลักษณะนี้ยัง “จำเป็น” เพื่อพยุงกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของคนไทย

ถาม–ตอบเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่งพลัส

ถาม: ถ้ามีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะสมัครได้ไหม?
ตอบ: ไม่ได้ เพราะโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อกลุ่มที่ไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐอยู่แล้ว

ถาม: ถ้าเคยถูกระงับสิทธิ์ในคนละครึ่งเฟสก่อนหน้า จะสมัครได้หรือไม่?
ตอบ: ไม่ได้ ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีประวัติถูกระงับสิทธิ์หรือเรียกเงินคืนจากโครงการรัฐ

ถาม: ใช้สิทธิ์ซื้อของออนไลน์ได้ไหม?
ตอบ: ใช้ได้เฉพาะ Food Delivery ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น Grab หรือ LINE MAN ส่วนการสั่งซื้อสินค้าทั่วไปในอีคอมเมิร์ซไม่ครอบคลุม

ถาม: ถ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายนจะเกิดอะไรขึ้น?
ตอบ: สิทธิ์จะถูกตัดโดยอัตโนมัติ ไม่สามารถขอคืนได้

ถาม: ถ้าไม่มีสมาร์ตโฟนจะทำอย่างไร?
ตอบ: จำเป็นต้องใช้สมาร์ตโฟนเพื่อเข้าร่วม เพราะระบบทั้งหมดเป็นดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตัง แต่สามารถขอให้บุตรหลานช่วยลงทะเบียนและชำระแทนได้หากมีการผูกบัญชีถูกต้อง

ถาม: สามารถใช้สิทธิ์ต่างจังหวัดได้หรือไม่?
ตอบ: ใช้ได้ทั่วประเทศกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ไม่จำกัดพื้นที่

บทสรุป: คนละครึ่งพลัส จุดไฟเศรษฐกิจปลายปี

โครงการคนละครึ่งพลัสไม่ใช่แค่ “แจกเงิน” แต่เป็นนโยบายเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบอย่างชาญฉลาด รัฐช่วยจ่าย ประชาชนกล้าใช้ ร้านค้าขายได้ ระบบเศรษฐกิจชุมชนก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ในช่วงที่ค่าครองชีพยังสูง รายได้ยังไม่ฟื้น การมีโครงการแบบนี้จึงเหมือน “วิตามินบำรุงเศรษฐกิจ” ที่ช่วยให้คนไทยมีกำลังใจจับจ่ายและเดินหน้าต่อได้

สำหรับใครที่อยากร่วมโครงการ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม ดาวน์โหลดแอปเป๋าตัง เปิด GWallet และลงทะเบียนให้ทันระหว่างวันที่ 20–26 ตุลาคมนี้ เพราะสิทธิ์มีเพียง 20 ล้านเท่านั้น ใครเร็ว ใครได้ก่อน — และนี่อาจเป็น “ของขวัญชิ้นใหญ่” จากรัฐบาลที่ช่วยให้ปี 2568 ปิดฉากอย่างสดใสสำหรับคนไทยทุกคน.