ติดแท็กซิ่ง ดูยังไง แก้ยังไง 2025

เวลาที่ใครสักคนเดินเข้าไปในธนาคารหรือบริษัทไฟแนนซ์เพื่อยื่นขอสินเชื่อ หลายครั้งผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมาอาจไม่สวยงามอย่างที่หวัง เพราะแทนที่จะได้วงเงินอนุมัติกลับต้องเจอคำตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้น” ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะส่งผลต่อทั้งแผนชีวิต การเงิน และแม้กระทั่งความมั่นใจของผู้กู้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การกู้เงินไม่ใช่เพียงเรื่องการขยายกิจการหรือซื้อบ้าน แต่ยังเป็นเครื่องมือรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในชีวิตประจำวัน

ยาวไป เลือกอ่าน

เมื่อพิจารณาในเชิงลึก สาเหตุที่ทำให้กู้ไม่ผ่านไม่ได้มีเพียงข้อเดียว แต่แฝงอยู่ในหลายมิติ ทั้งเรื่องอาชีพ รายได้ ประวัติการชำระหนี้ และสิ่งใหม่ที่หลายคนเพิ่งเคยได้ยินอย่าง “แท็กซิ่งบูโร” หรือ Taxing Bureau ที่แม้จะไม่ใช่การค้างหนี้ แต่ก็เป็นด่านที่ทำให้ผู้กู้สะดุดอย่างไม่รู้ตัว

ติดแท็กซิ่ง ดูยังไง

ประเทศไทยเป็นสังคมที่มีผู้ประกอบอาชีพอิสระจำนวนมาก ตั้งแต่แม่ค้าขายของออนไลน์ คนขับแกร็บ ไปจนถึงฟรีแลนซ์สายครีเอทีฟ คนกลุ่มนี้มีรายได้จริงแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน สถาบันการเงินจึงมักมองว่ามีความเสี่ยง ขณะที่พนักงานประจำที่มีสลิปเงินเดือนสม่ำเสมอมักได้เปรียบในการยื่นกู้ เพราะธนาคารสามารถประเมินรายได้ที่แน่นอนได้ง่ายกว่า

สิ่งที่ผู้กู้หลายคนไม่รู้คือ แม้แต่พนักงานประจำบางกลุ่มที่รับเงินเดือนสดโดยไม่เข้าบัญชี ก็อาจถูกจัดว่าเป็นกลุ่มที่ “ยืนยันรายได้ยาก” เช่นกัน ส่งผลให้โอกาสในการอนุมัติสินเชื่อลดลง

ประวัติการชำระหนี้และเครดิตบูโร

อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่คือการติดเครดิตบูโร คนจำนวนไม่น้อยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน 60 วัน หรือถึงขั้น 90 วันขึ้นไป ข้อมูลเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในระบบและถูกดึงมาตรวจสอบทุกครั้งที่ยื่นกู้ แม้ในบางกรณีผู้กู้จะปิดบัญชีหนี้ด้วยการเจรจาแบบ “haircut” หรือการจ่ายก้อนเดียวเพื่อปิดจบหนี้ แต่ก็ยังคงมีร่องรอยอยู่ในประวัติ ทำให้ธนาคารบางแห่งไม่อนุมัติสินเชื่อใหม่อีก

กรณีนี้พบได้บ่อยในไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยกู้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อเงินสด แล้วประสบปัญหาชำระไม่ตรงเวลา จนต้องหันไปใช้วิธีเจรจาลดหนี้ ผลที่ตามมาคือกลายเป็น Blacklist ของสถาบันนั้น ๆ ไปโดยปริยาย

แท็กซิ่งบูโร: กับดักที่หลายคนไม่รู้ตัว

สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือการ “ติดแท็กซิ่งบูโร” ซึ่งต่างจากการติดเครดิตบูโรอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ได้เกี่ยวกับการค้างหนี้หรือชำระล่าช้า แต่เกิดจากพฤติกรรมการ “ยื่นกู้ถี่เกินไป” หรือมีการถูกตรวจสอบบูโรซ้ำหลายครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ

ตัวอย่างเช่น หากในช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือน ผู้กู้ยื่นขอสินเชื่อกับ 4–5 สถาบันพร้อมกัน ระบบบูโรจะบันทึกว่ามีการดึงข้อมูลถี่เกินไป เมื่อธนาคารอื่นเข้ามาเห็นก็จะตีความว่า ผู้กู้กำลังเดือดร้อนด้านการเงินและกำลังวิ่งหาสินเชื่อแบบเร่งด่วน ภาพลักษณ์เช่นนี้ทำให้สถาบันการเงินมองว่าเสี่ยงต่อการกลายเป็นหนี้เสีย

ในประเทศไทย “แท็กซิ่งบูโร” จึงเป็นคำที่เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานอิสระและมนุษย์เงินเดือนที่กำลังหาไฟแนนซ์รถหรือบ้าน เพราะไม่รู้ตัวว่าการสมัครหลาย ๆ ที่เพื่อหวังว่าอย่างน้อยจะมีสักที่อนุมัติ กลับกลายเป็นการสร้างรอยเท้าเครดิตที่ทำร้ายตัวเอง

เกณฑ์ความถี่ที่ไม่มีสูตรตายตัว

หลายคนมักถามว่าต้องสมัครกี่ครั้งถึงจะติดแท็กซิ่ง คำตอบคือ “ไม่มีเกณฑ์แน่นอน” ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละสถาบันการเงิน บางแห่งอาจมองว่าการยื่นเกิน 3 ครั้งภายใน 1–2 เดือนเป็นสัญญาณเสี่ยง บางแห่งอาจพิจารณาเป็นช่วงเวลา 6 เดือน ยิ่งถ้าถูกดึงบูโรจากทั้งธนาคารและไฟแนนซ์นอกระบบธนาคารพร้อมกัน โอกาสถูกตีตราว่าเสี่ยงก็สูงขึ้น

ผลกระทบต่อการกู้ในอนาคต

การติดแท็กซิ่งบูโรอาจไม่ร้ายแรงเท่าการค้างหนี้ แต่ผลที่ตามมาคือการยื่นกู้ครั้งต่อไปยากขึ้น เพราะธนาคารจะใช้ข้อมูลนี้เป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจ ผู้กู้หลายคนที่ไม่รู้สาเหตุจริง อาจเข้าใจผิดว่าถูกปฏิเสธเพราะรายได้ไม่พอหรือมีประวัติหนี้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเกิดจากการยื่นกู้ถี่เกินไป

ติดแท็กซิ่ง แก้ยังไง

สิ่งสำคัญที่สุดคือ “หยุดและรอ” หากรู้ตัวว่าถูกติดแท็กซิ่งบูโร ควรรอระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่ตรวจสอบ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการสมัครพร้อมกันหลายที่ และเลือกเฉพาะสถาบันที่มั่นใจว่ามีโอกาสอนุมัติสูง เช่น ธนาคารที่มีผลิตภัณฑ์ตรงกับฐานรายได้ของเรา

สำหรับคนไทยที่นิยมเปรียบเทียบโปรโมชันสินเชื่อแล้วสมัครทีเดียวหลายแห่งเพื่อหวังได้วงเงินสูงสุด ควรระวังว่าพฤติกรรมนี้อาจย้อนกลับมาทำร้ายโอกาสตัวเอง การเลือกสมัครกับ 1–2 สถาบันแล้วรอผลก่อนจะปลอดภัยกว่า

เชื่อมโยงกับบริบทไทย: หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง

การเข้าใจแท็กซิ่งบูโรไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงติดอันดับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนจำนวนมากต้องพึ่งพาสินเชื่อเพื่อดำเนินชีวิต ตั้งแต่กู้ซื้อบ้าน รถ ไปจนถึงสินเชื่อหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน แต่การกู้ถี่เกินไปกลับทำให้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินถูกกฎหมายลดลง สุดท้ายบางคนหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบที่เสี่ยงอันตรายยิ่งกว่า

คำแนะนำ

สิ่งที่ควรทำคือวางแผนการเงินล่วงหน้าและรักษาวินัยการชำระหนี้ อย่าสมัครกู้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าเพื่อหวังพึ่งโชค เพราะระบบบูโรในไทยมีมาตรฐานและถูกใช้เป็นเกณฑ์กลางในการพิจารณาเกือบทุกสถาบัน หากวางแผนผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เช่น สมัครบัตรเครดิต 3 ใบพร้อมกัน ก็อาจทำให้เสียโอกาสในการกู้บ้านในอนาคตได้

โลกการเงินทุกวันนี้ไม่ได้วัดกันที่ใครหาเงินได้มากกว่าอย่างเดียว แต่ยังวัดที่การบริหารเครดิตและพฤติกรรมทางการเงินที่เป็นระบบ คนไทยที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อควรทำความเข้าใจเรื่องเครดิตบูโรและแท็กซิ่งบูโรอย่างจริงจัง เพราะนี่คือเครื่องมือที่ธนาคารใช้ประเมินความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือ หากรู้จักใช้ประโยชน์และวางแผนการกู้ให้เหมาะสม โอกาสเข้าถึงเงินทุนเพื่อต่อยอดชีวิตก็ยังเปิดกว้างเสมอ

รวมคำถาม-คำตอบยอดฮิต: กู้สินเชื่อไม่ผ่าน – ทำยังไงดี?

Q: ทำไมกู้สินเชื่อไม่ผ่าน ทั้งที่รายได้ก็ถึงเกณฑ์?

A: การกู้ไม่ผ่านไม่ได้ดูแค่รายได้ แต่ดูทั้งประวัติการชำระหนี้ สถานะเครดิตบูโร ภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio) และพฤติกรรมการสมัครสินเชื่อ ถ้าเคยมีประวัติผิดนัดชำระ หรือมีภาระผ่อนอยู่หลายบัญชี แม้รายได้จะถึงเกณฑ์ก็ยังถูกปฏิเสธได้

Q: กู้ไม่ผ่านเพราะติดบูโร ต้องรอกี่ปีถึงจะกู้ใหม่ได้?

A: โดยทั่วไปข้อมูลค้างชำระจะถูกเก็บย้อนหลัง 3 ปี หากปิดหนี้เรียบร้อยแล้วต้องรอให้ข้อมูลเก่าถูกลบออกไปก่อนจึงจะกู้ใหม่ง่ายขึ้น

Q: ติดแท็กซิ่งบูโรคืออะไร ต่างจากติดบูโรไหม?

A: ติดแท็กซิ่งบูโรไม่ได้หมายถึงมีหนี้เสีย แต่เกิดจากการยื่นกู้หลายที่ในระยะเวลาใกล้กัน ทำให้ธนาคารมองว่าเสี่ยง ต่างจากการติดบูโรที่เป็นการมีประวัติชำระหนี้ไม่ดี

Q: แท็กซิ่งบูโรอยู่นานกี่ปี?

A: ส่วนใหญ่ข้อมูลนี้จะมีผลราว 6 เดือนถึง 1 ปี แต่บางสถาบันอาจตีความยาวนานถึง 2–3 ปี ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคาร

Q: สมัครสินเชื่อออนไลน์ไม่ผ่าน ควรทำยังไงต่อ?

A: ควรหยุดยื่นใหม่ทันที เพราะการสมัครซ้ำถี่ ๆ จะทำให้เกิดแท็กซิ่งบูโร ควรเช็กก่อนว่ารายได้ ภาระหนี้ และเครดิตบูโรอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ แล้วค่อยเลือกสถาบันที่เหมาะสมกับสถานะการเงินของเรา

Q: สมัครบัตรเครดิตหลายใบพร้อมกันจะติดแท็กซิ่งบูโรไหม?

A: มีโอกาสสูง เพราะทุกครั้งที่สมัคร ธนาคารจะดึงเครดิตบูโรของคุณ การสมัครถี่เกินไปทำให้ถูกตีความว่ามีความต้องการเงินเร่งด่วน

Q: กู้บ้านไม่ผ่าน สาเหตุหลัก ๆ มาจากอะไร?

A: สาเหตุยอดฮิตคือ 1) ภาระหนี้สูงเกินไป 2) ประวัติบูโรไม่สะอาด 3) รายได้ไม่มั่นคง 4) มีแท็กซิ่งบูโร และ 5) ราคาบ้านกับมูลค่าประเมินไม่ตรงกัน

Q: ถ้ากู้บ้านไม่ผ่าน สามารถกู้ร่วมได้ไหม?

A: ได้ กู้ร่วมกับคู่สมรสหรือคนในครอบครัวช่วยเพิ่มรายได้รวม ทำให้โอกาสผ่านสูงขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับประวัติหนี้ของผู้กู้ร่วมด้วย

Q: กู้รถไม่ผ่านทำยังไงดี?

A: หากรายได้ถึงเกณฑ์แต่ไม่ผ่าน ให้ลองเพิ่มเงินดาวน์เพื่อลดวงเงินกู้ หรือเลือกไฟแนนซ์ที่รับลูกค้าอาชีพอิสระโดยเฉพาะ

Q: คนทำงานอิสระกู้สินเชื่อยากกว่าจริงไหม?

A: จริง เพราะรายได้พิสูจน์ยาก ธนาคารนิยมพนักงานประจำที่มีสลิปเงินเดือน แต่คนทำงานอิสระสามารถใช้ Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6–12 เดือนแทนได้

Q: ภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) ต้องไม่เกินเท่าไรจึงจะกู้ได้?

A: ธนาคารส่วนใหญ่กำหนด DSR ไม่เกิน 40–50% ของรายได้สุทธิ หากเกินนี้มักกู้ไม่ผ่าน

Q: เคยค้างหนี้บัตรเครดิตแล้วปิดไปแล้ว จะกู้ได้ไหม?

A: กู้ได้ แต่ต้องรอให้ข้อมูลค้างชำระถูกลบออกจากระบบบูโรก่อน และควรสร้างวินัยใหม่ เช่น ใช้บัตรเครดิตให้น้อยลงหรือจ่ายเต็มจำนวนทุกเดือน

Q: Haircut หนี้แล้ว (จ่ายปิดบัญชีแบบลดหนี้) จะกู้ได้อีกไหม?

A: ได้ แต่ยากกว่าเดิมเพราะธนาคารจะมองว่ามีประวัติเคยเป็นหนี้เสีย ต้องรอเวลาและสร้างเครดิตใหม่ให้ดีขึ้น

Q: จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองติดแท็กซิ่งบูโร?

A: ผู้กู้ทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบโดยตรงได้ แต่สามารถสังเกตได้ว่า หากไม่มีหนี้เสีย แต่ถูกปฏิเสธกู้ติดต่อกันหลายครั้ง ทั้งที่รายได้ถึงเกณฑ์ แสดงว่าอาจกำลังติดแท็กซิ่งบูโร

Q: แท็กซิ่งบูโรแก้ได้ไหม?

A: ไม่มีวิธีลบออกทันที ต้องปล่อยเวลาให้ผ่านไป (6 เดือน–2 ปี) และงดสมัครสินเชื่อใหม่ถี่ ๆ

Q: ทำไมธนาคารไทยเข้มงวดกับการกู้มากขึ้น?

A: เพราะหนี้ครัวเรือนไทยสูงติดอันดับเอเชีย ธนาคารแห่งประเทศไทยออกเกณฑ์กำกับเข้มขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียเพิ่มในระบบ

Q: ถ้าไม่ผ่านธนาคาร สามารถกู้นาโนไฟแนนซ์หรือพิโกไฟแนนซ์แทนได้ไหม?

A: ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะคนที่ไม่มีรายได้ชัดเจน แต่ดอกเบี้ยจะสูงกว่าสินเชื่อธนาคาร

Q: การปฏิเสธสินเชื่อแต่ละครั้งมีผลเสียกับเครดิตบูโรไหม?

A: ไม่มีผลโดยตรงกับคะแนนเครดิต แต่ทุกครั้งที่สมัคร ธนาคารจะดึงข้อมูลบูโร และถ้าถูกดึงหลายครั้งถี่เกินไปจะถูกตีความเป็นแท็กซิ่งบูโร

Q: จะเตรียมตัวยังไงให้กู้ผ่านในครั้งแรก?

A: ตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองก่อนทุกครั้ง เคลียร์หนี้เก่าให้เรียบร้อย ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เตรียม Statement และเอกสารรายได้ให้ครบ และเลือกสถาบันการเงินที่ตรงกับสถานะทางการเงินของเรา