
การ ยืมเงินไม่คืน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการยืมเงินระหว่างเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่คนรู้จัก หลายครั้งเรื่องนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงจนถึงขั้นฟ้องร้องกันในศาล หลายคนอาจสงสัยว่า สัญญากู้ยืมเงิน จำเป็นแค่ไหน และกรณี ยืมเงินไม่คืน จะเข้าข่ายคดีอะไร รวมถึงสามารถฟ้องร้องได้หรือไม่ บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แบบชัดเจน
ยืมเงินไม่คืนเป็นคดีอะไร
กรณี ยืมเงินไม่คืน จัดอยู่ใน คดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ว่าด้วย “สัญญากู้ยืมเงิน” โดยเมื่อมีการกู้ยืมเงินเกิดขึ้น ผู้กู้มีหน้าที่ต้องชำระเงินคืนตามจำนวนที่ตกลงกัน หากผู้กู้ไม่คืนเงิน ผู้ให้กู้มีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกเงินคืนผ่านศาลได้
ประเด็นสำคัญ:
-
เป็น คดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา
-
ผู้ยืมจะไม่ถูกจับติดคุกเพียงเพราะยืมเงินแล้วไม่คืน เว้นแต่มีการโกง เช่น ใช้ เอกสารปลอม หรือ หลอกลวง ในการกู้ ซึ่งกรณีนั้นจะเข้าข่าย คดีอาญา ฐานฉ้อโกง
ตัวอย่างเช่น หากมีการยืมเงิน 50,000 บาท พร้อมทำสัญญากู้ยืมไว้ แต่ผู้ยืมไม่จ่ายคืน ผู้ให้กู้สามารถนำสัญญาไปเป็นหลักฐานฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้คืนเงินได้
ยืมเงินไม่คืน ถูกฟ้องได้ไหม
คำตอบคือ “ฟ้องได้” โดยผู้ให้กู้สามารถฟ้องร้องผู้ยืมเงินต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ศาลบังคับให้คืนเงินตามจำนวนที่ตกลงไว้ใน สัญญากู้ยืมเงิน หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่ยืนยันว่ามีการกู้จริง
สิ่งสำคัญคือ หลักฐาน
-
สัญญากู้ยืมที่มีลายเซ็นทั้งสองฝ่าย
-
สลิปโอนเงิน
-
ข้อความแชทหรือหลักฐานการยืมที่ชัดเจน
-
พยานบุคคลที่เห็นการยืมเงิน
หากไม่มีหลักฐาน ศาลอาจไม่สามารถพิพากษาให้ชนะคดีได้ ดังนั้นเวลาปล่อยกู้ ควรเก็บหลักฐานให้ครบถ้วนเสมอ
ยืมเงินไม่คืน ควรทำยังไง
หากคุณเป็นฝ่ายปล่อยกู้และเจอปัญหาผู้ยืมไม่คืนเงิน สามารถดำเนินการตามขั้นตอนนี้
1. ทวงถามอย่างเป็นทางการ
เริ่มจากการติดต่อทวงถามด้วยวิธีสุภาพ เช่น โทรศัพท์ ข้อความ หรือจดหมาย เพื่อให้ผู้ยืมตระหนักและยอมชำระหนี้
2. ส่งจดหมายทวงถาม
หากไม่ตอบสนอง ให้ส่งจดหมายทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุจำนวนเงิน วันครบกำหนด และให้เวลาในการชำระหนี้อีกครั้ง
3. ฟ้องร้องต่อศาล
หากผู้ยืมยังคงนิ่งเฉย สามารถนำ สัญญากู้ยืมเงิน และหลักฐานอื่น ๆ ไปยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องเงินคืน ศาลจะมีคำพิพากษา และสามารถบังคับคดี เช่น ยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนของผู้ยืมได้
ยืมเงินเท่าไหร่ ถึงฟ้องร้องได้
ตามกฎหมาย จำนวนเงินไม่ใช่ข้อจำกัด ต่อสิทธิในการฟ้องร้อง จะยืมเงิน 500 บาท หรือ 50,000 บาท ก็สามารถฟ้องได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการมี หลักฐาน ที่ชัดเจน
แต่สำหรับ สัญญากู้ยืมเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 กำหนดไว้ว่า
-
หากยอดกู้ ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป ต้องทำเป็น หนังสือสัญญา มีลายเซ็นทั้งสองฝ่าย
-
หากไม่มีสัญญา แต่มีหลักฐานการโอนเงินหรือข้อความยืนยันจากผู้ยืม ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานในศาลได้เช่นกัน
สรุป: ไม่มีขั้นต่ำสำหรับการฟ้อง แต่ถ้ามีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรจะช่วยให้คดีมีน้ำหนักมากขึ้น
สัญญากู้ยืมเงิน ฟ้องได้ไหม
สัญญากู้ยืมเงิน เป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่ใช้ยืนยันว่ามีการยืมเงินเกิดขึ้นจริง ซึ่งต้องมีรายละเอียดดังนี้
-
จำนวนเงินที่กู้
-
วันที่กู้ และกำหนดคืนเงิน
-
ลายเซ็นของผู้กู้และผู้ให้กู้
-
พยานลงชื่อกำกับ (หากมี)
เมื่อผู้กู้ไม่คืนเงิน ผู้ให้กู้สามารถใช้ สัญญากู้ยืมเงิน เป็นหลักฐานฟ้องศาลได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีพยานเพิ่ม หากเอกสารครบถ้วน ศาลจะรับฟ้องและตัดสินตามเนื้อหาที่ระบุไว้ในสัญญา
ถาม-ตอบเกี่ยวกับยืมเงินไม่คืน
ถาม: ยืมเงินไม่มีสัญญา ฟ้องได้ไหม
ตอบ: ฟ้องได้ ถ้ามีหลักฐานอื่น เช่น สลิปโอนเงิน หรือข้อความที่ผู้ยืมยอมรับการกู้ แต่คดีอาจยากกว่ามีสัญญาชัดเจน
ถาม: ยืมเงินแล้วไม่คืนจะติดคุกไหม
ตอบ: ไม่ติดคุก เพราะเป็น คดีแพ่ง ยกเว้นมีการโกงหรือปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งเข้าข่าย คดีอาญา
ถาม: ฟ้องร้องแล้วได้เงินคืนแน่นอนไหม
ตอบ: หากศาลตัดสินให้ชนะคดี สามารถบังคับคดี เช่น ยึดทรัพย์ อายัดเงินเดือน แต่ถ้าผู้ยืมไม่มีทรัพย์สินหรือรายได้ อาจต้องใช้เวลาติดตามยาวนาน
การ ยืมเงินไม่คืน เป็นเรื่องที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง โดยถือเป็น คดีแพ่ง ผู้ให้กู้มีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกเงินคืนผ่านศาลได้ หากมี สัญญากู้ยืมเงิน หรือหลักฐานที่ชัดเจน การฟ้องร้องไม่มีขั้นต่ำของยอดเงิน แต่สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรจะทำให้คดีมีน้ำหนักมากขึ้น ดังนั้น หากต้องปล่อยกู้ ควรมีการทำสัญญาและเก็บหลักฐานทุกครั้งเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต การยืมเงินอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ถ้าจัดการไม่ดี อาจกลายเป็นคดีใหญ่ที่ทำให้ความสัมพันธ์พังทลายได้