
“กินหมูกะทะกันป๊ะ” หมูกระทะ ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจยอดฮิตที่หลายคนมองว่าเป็นการลงทุนที่ทำกำไรได้ง่าย เพราะเป็นที่นิยมของคนไทยทุกกลุ่ม ทุกจังหวะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีหมูกะทะไว้ช่วยฮีลใจ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกร้านที่เปิดแล้วจะอยู่รอดได้ยาวนาน หลายร้านต้องปิดตัวลงภายในเวลาไม่นาน สาเหตุหลักที่ทำให้ร้านหมูกระทะเจ๊งมีอะไรบ้าง? และถ้าจะเปิดร้านหมูกระทะต้องลงทุนเท่าไหร่? มาดูกัน
5 สาเหตุหลักที่ทำให้ร้านหมูกระทะเจ๊ง
1. การบริหารต้นทุนผิดพลาด
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการคำนวณต้นทุนผิดพลาด โดยเฉพาะต้นทุนอาหารและวัตถุดิบ
- หมูกระทะเป็นบุฟเฟ่ต์ ต้นทุนอาหารมักอยู่ที่ 30-40% ของราคาขาย
- หากคำนวณต้นทุนไม่ดีหรือไม่มีมาตรการควบคุมของเสีย (Food Waste) อาจทำให้ขาดทุนหนัก
- บางร้านใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำเพื่อลดต้นทุน แต่กลับเสียลูกค้าไปในระยะยาว
แนวทางแก้ไข:
- ใช้ระบบสต๊อกและบริหารวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ
- เปรียบเทียบราคาวัตถุดิบจากหลายแหล่ง และหาซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้
- ควบคุมสัดส่วนวัตถุดิบในการเสิร์ฟเพื่อป้องกันของเสีย
2. ทำเลไม่ดี ลูกค้าไม่ถึง
- การเลือกทำเลที่ไม่ดี เช่น อยู่ในจุดที่เดินทางลำบาก ไม่มีที่จอดรถ หรือไม่มีกลุ่มเป้าหมายเพียงพอ ทำให้มีลูกค้าไม่มากพอ
- แม้ว่าร้านหมูกระทะบางร้านจะดังเพราะรสชาติ แต่หากทำเลไม่อำนวย ก็อาจทำให้ลูกค้าเลือกไปร้านอื่นที่สะดวกกว่า
แนวทางแก้ไข:
- สำรวจทำเลที่มีคนเดินผ่านเยอะ เช่น ใกล้มหาวิทยาลัย แหล่งชุมชน ตลาด หรือย่านออฟฟิศ
- หากเปิดร้านใหญ่ ควรมีที่จอดรถรองรับลูกค้า
- ใช้บริการเดลิเวอรี่เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้

3. แข่งขันสูงมาก จนขาดความแตกต่าง
- ปัจจุบันร้านหมูกระทะมีเยอะมาก ทำให้เกิดสงครามราคา บางร้านต้องลดราคาเพื่อดึงลูกค้า จนสุดท้ายทำให้กำไรหาย
- หากไม่มีจุดเด่น เช่น น้ำจิ้มรสเด็ด เนื้อคุณภาพสูง หรือบรรยากาศดี ก็ยากที่จะแข่งขันกับร้านอื่น
แนวทางแก้ไข:
- สร้างจุดขายที่แตกต่าง เช่น สูตรน้ำจิ้มลับเฉพาะ หรือการเพิ่มวัตถุดิบพรีเมียม
- มีโปรโมชั่นที่ดึงดูด เช่น “กินครบ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง”
- ใช้โซเชียลมีเดียและรีวิวจากลูกค้าเพื่อสร้างการรับรู้
4. ขาดระบบบริหารงานและการบริการที่ดี
- ปัญหาการจัดการพนักงาน เช่น บริการไม่ดี เสิร์ฟช้า หรือพนักงานลาออกบ่อย ทำให้ลูกค้าไม่ประทับใจ
- บางร้านไม่มีระบบจัดการโต๊ะ ทำให้ลูกค้ารอนานแล้วไม่อยากกลับมาอีก
- ระบบหลังร้าน เช่น การเก็บเงิน คำนวณต้นทุน หรือเช็คของสต๊อกไม่มีประสิทธิภาพ
แนวทางแก้ไข:
- ฝึกอบรมพนักงานให้มีมาตรฐานการบริการที่ดี
- ใช้ระบบ POS (Point of Sale) เพื่อช่วยในการจัดการสต๊อกและออเดอร์
- จัดระบบคิวโต๊ะให้ลูกค้ารู้ว่าต้องรอนานแค่ไหน
5. ต้นทุนแฝงสูง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
- ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรง อาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการบริหารเงินที่ดี
- บางร้านเจอปัญหาการเงินหมุนไม่ทัน โดยเฉพาะถ้าเปิดร้านใหม่แล้วไม่มีเงินสำรอง
แนวทางแก้ไข:
- ควรมีเงินทุนสำรองอย่างน้อย 6 เดือน เผื่อในกรณีฉุกเฉิน
- บริหารค่าใช้จ่ายให้ดี โดยเฉพาะค่าน้ำค่าไฟที่มักจะสูงในร้านหมูกระทะ
- วิเคราะห์จุดคุ้มทุนให้แน่ใจก่อนเปิดร้าน
เปิดร้านหมูกะทะ ลงทุนเท่าไหร่ 2568

1. เงินทุนเริ่มต้น (ขึ้นอยู่กับขนาดร้าน)
- ร้านเล็ก (10-20 โต๊ะ): 300,000 – 800,000 บาท
- ร้านขนาดกลาง (30-50 โต๊ะ): 1,000,000 – 2,000,000 บาท
- ร้านใหญ่ (แฟรนไชส์ หรือร้านมีที่ดินเอง): 2,000,000 – 5,000,000 บาท
2. รายการค่าใช้จ่ายหลัก
- ค่าเช่าที่ (ถ้ามี)
- ค่าตกแต่งร้าน
- ค่าซื้อเตาและอุปกรณ์ครัว
- ค่าวัตถุดิบเริ่มต้น
- ค่าแรงพนักงาน
- ค่าโฆษณาและการตลาด
ข้อดีและข้อเสียของการเปิดร้านหมูกระทะ
✅ ข้อดี
- เป็นตลาดที่มีลูกค้าหนาแน่น
- กำไรต่อหัวสูง (หากบริหารต้นทุนดี)
- ทำให้เกิดลูกค้าขาประจำได้ง่าย
❌ ข้อเสีย
- ต้นทุนแฝงเยอะ ถ้าไม่คุมดีอาจขาดทุน
- แข่งขันสูง ต้องมีจุดเด่น
- ระบบจัดการร้านต้องดี ไม่งั้นอาจพัง
สรุป
ธุรกิจร้านหมูกระทะมีโอกาสทำกำไรได้ดี แต่ก็มีความเสี่ยงสูงหากไม่มีการบริหารที่ดี จุดสำคัญคือ การควบคุมต้นทุน ทำเลที่ตั้ง และการบริหารร้าน หากสนใจลงทุน อาจเริ่มจากแฟรนไชส์เพื่อช่วยลดความเสี่ยง หรือถ้าต้องการเปิดเอง ควรวางแผนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ