7 วิธีรวยในสังคมไทยแบบไม่โลกสวย

ในโลกยุคปัจจุบันที่ความฝันเรื่องความร่ำรวยถูกพูดถึงอยู่เสมอ คำถามสำคัญคือ “เราจะรวยได้อย่างไร?” 

วิธีแรกในการรวย คือการเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อแม่มีฐานะ ครอบครัวมีธุรกิจหรือทรัพย์สินจำนวนมาก เส้นทางนี้ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเพราะความมั่งคั่งถูกส่งต่อมาพร้อมกับการเกิด ถือเป็นโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตมีทางลัดสู่ความมั่นคงทางการเงินตั้งแต่ต้น

วิธีที่สองคือการแต่งงานกับคนรวย ซึ่งมักเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ที่มีช่องว่างด้านอายุหรือฐานะที่ต่างกันชัดเจน แม้จะไม่ใช่วิธีที่ถูกพูดถึงอย่างเปิดเผย แต่ก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม และสำหรับบางคน นี่คือทางลัดสู่ชีวิตที่สะดวกสบาย

วิธีที่สามคือ ความโชคดีแบบสุดขีด เช่น การถูกลอตเตอรี่หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น เหรียญดิจิทัลประเภท meme coin ที่สามารถเปลี่ยนเงินลงทุนหลักพันเป็นหลักล้านได้ในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และไม่ควรพึ่งพาเป็นแผนชีวิต

ตั้งแต่วิธีที่สี่เป็นต้นไป เป็นเส้นทางที่ต้องใช้ความพยายามอย่างแท้จริง พนักงานประจำสามารถสร้างความมั่งคั่งได้หากมีวินัยและวางแผนทางการเงินอย่างดี พนักงานแบ่งออกเป็นสองแบบ แบบแรกคือผู้ที่มีความมั่นคงและประหยัด ใช้ชีวิตเรียบง่าย เก็บออมและนำเงินไปลงทุนจนถึงจุดที่สามารถมีอิสรภาพทางการเงิน ใช้ดอกผลของเงินลงทุนเลี้ยงดูชีวิตได้ ส่วนแบบที่สองคือผู้ที่ใช้จ่ายเกินตัว หมดเงินไปกับการสังสรรค์ ของฟุ่มเฟือย และภาระหนี้สิน ทำให้แม้จะมีรายได้สูงแต่ก็ไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้

วิธีที่ห้าคือการเป็น เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ เส้นทางนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความท้าทาย ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาเว็บไซต์ การผลิตสื่อ หรือการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการลองผิดลองถูกหลายครั้ง บางครั้งล้มเหลว แต่ความสำเร็จที่ได้มาก็มักสร้างผลตอบแทนสูงและให้เสรีภาพที่แตกต่างจากงานประจำ

วิธีที่หกคือการเป็น อินฟลูเอนเซอร์ สร้างเนื้อหาลงบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok หรือ YouTube เพื่อสร้างฐานผู้ติดตามและรายได้จากการรีวิวสินค้า ค่าโฆษณา หรือการขายสินค้าของตนเอง อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้ไม่ได้ง่ายดาย รายได้จริงมักน้อยกว่าที่ผู้คนคาดหวัง และการแข่งขันสูงมาก ผู้ที่จะประสบความสำเร็จต้องค้นหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้คนติดตามและเชื่อถือ

วิธีสุดท้ายคือการ เป็นที่หนึ่งในสาขาของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาระดับประเทศ ทนายความที่เชี่ยวชาญที่สุด หรือพนักงานที่บริษัทไม่สามารถขาดได้ การเป็นที่สุดจะสร้างคุณค่าและความยั่งยืนในระยะยาว หลักการนี้สามารถนำไปใช้ได้กับทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้ประกอบการ เมื่อคุณโดดเด่นที่สุด คุณจะมีอำนาจต่อรองและโอกาสสร้างความมั่งคั่งมากกว่าคนทั่วไป

ทุกท่านควรพิจารณาว่าตนเองมีศักยภาพที่จะเดินในเส้นทางใดมากที่สุด แล้วลงมือทำอย่างจริงจัง เพราะความร่ำรวยไม่ใช่เพียงความฝัน แต่เป็นผลลัพธ์ของการเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเองและความมุ่งมั่นที่จะเดินไปให้สุดทางในโลกแห่งความเป็นจริง