ไข่หวานบ้านซูชิ แฟรนไชส์ ราคาเท่าไหร่

ซูชิในไทยเคยถูกมองว่าเป็น “ของฟุ่มเฟือย” ราคาเฉลี่ยคำละ 40–60 บาท แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาพจำนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพราะการบุกตลาดของแบรนด์ “ไข่หวานบ้านซูชิ” ที่วางตำแหน่งชัด—ซูชิสดใหม่ เริ่มต้นคำละ 10 บาท เสิร์ฟเร็วเหมือนสตรีทฟู้ดแต่รักษาคุณภาพวัตถุดิบได้ในระดับที่ผู้บริโภครับได้ ผลคือจำนวนสาขาทะลุหลักสองร้อยภายในเวลาไม่นาน และวันนี้หลายคนตั้งคำถามเดียวกันว่า ถ้าอยากเป็นเจ้าของสาขา ต้องมีเงินเท่าไร?


ตัวเลขลงทุน: มากกว่าค่าแฟรนไชส์คือ “งบสร้างร้าน”

ไข่หวานบ้านซูชิใช้โมเดล “ไม่มีส่วนแบ่งยอดขาย ไม่มีค่ารอยัลตี้รายเดือน” แต่จะคิดค่าอุปกรณ์ ชุดตกแต่ง และระบบการจัดการแบบเหมาจ่ายตามขนาดร้าน รวมเรียกว่า งบประมาณก่อสร้าง ซึ่งมี 3 แพ็กเกจหลัก

ขนาด พื้นที่ (ตร.ม.) งบลงทุนโดยประมาณ* รูปแบบขาย ระยะเวลาคืนทุน**
S 25–30 360,000–540,000 บาท ซื้อกลับล้วน ๆ 1.4–1.9 ปี
M 30–60 600,000–1,200,000 บาท นั่งทาน + ซื้อกลับ 1.8–2.5 ปี
L 60 ขึ้นไป 1,200,000–1,800,000 บาท นั่งทาน + ซื้อกลับ 2.5–3.3 ปี

* รวมชุดอุปกรณ์เปิดร้าน วัตถุดิบล็อตแรก และระบบ POS
** ประเมินจากกำไรสุทธิเฉลี่ย 12–18 % ของยอดขายต่อเดือน

จุดสังเกตคือ ตัวเลข “งบก่อสร้าง” ไม่ได้รวมค่าเช่าพื้นที่ ตกแต่งเพิ่มเติม หรือเงินทุนหมุนเวียน ผู้สมัครจึงควรเตรียมสภาพคล่องไว้อีกอย่างน้อย 15–20 % ของเม็ดเงินในตารางเพื่อรับมือค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าประกันไฟฟ้า เงินเดือนพนักงานเดือนแรก และกรณีซ่อมบำรุงเฉียบพลัน (kaiwanbaansushi.com)


ขั้นตอนสมัครแฟรนไชส์: สั้น กระชับ แต่ต้อง “พร้อมจริง”

  1. ยื่นใบสมัครออนไลน์ — กรอกข้อมูลส่วนตัว พื้นที่เป้าหมาย และงบที่เตรียมไว้

  2. คัดกรองเบื้องต้น — แบรนด์โทรสัมภาษณ์ ดูความเข้าใจแผนธุรกิจและงบประมาณ

  3. สำรวจทำเล — ผู้สมัครจัดหาสถานที่และส่งพิกัดให้ทีมประเมินศักยภาพ (ระยะเดินเท้า การมองเห็น การจอดรถ)

  4. เซ็นสัญญา + ชำระเงินงวดแรก — เฉลี่ย 50 % ของงบรวม เพื่อสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์

  5. อบรมเข้ม 14 วัน — ฝึกทำข้าว ซูชิ ไข่หวาน ตลอดจนมาตรฐานความสะอาด HACCP

  6. ตกแต่งร้าน + ติดตั้งระบบ POS — ใช้เวลา 3–5 สัปดาห์

  7. Soft opening — ทีมมาร์เก็ตติ้งลงพื้นที่ช่วยโปรโมต 7 วันก่อนเปิดจริง

สัญญามีอายุ 3 ปี และหากยอดขายผ่านเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด สามารถต่อสัญญาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม


ข้อดีที่ชัดเจน

  • แบรนด์รับรู้อยู่แล้ว: ลูกค้าคุ้นชื่อ ทำให้ช่วงคืนทุนสั้นกว่าร้านโนเนม

  • ไม่มีค่ารอยัลตี้ถาวร: ลดแรงกดดันด้านกระแสเงินสด เมื่อเทียบกับแฟรนไชส์อาหารอื่นที่เก็บ 3–6 % ของยอดขาย

  • เมนูราคาจิตวิทยา “10 บาท”: ดึงดูดทราฟฟิกช่วงรายได้ตึงตัว

  • ซัพพลายเชนกลาง: วัตถุดิบหลักมาจากคลังเดียว ลดภาระจัดซื้อรายวัน

ข้อเสียที่ต้องมองให้ครบ

  • ผลักราคาไม่ง่าย: โครงสร้างราคาคำละ 10 บาท ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบผันผวนกระทบกำไรทันที

  • การแข่งขันในหมวดเดียวกันสูง: แบรนด์โลว์คอสต์ซูชิเกิดใหม่ทุกเดือน ถ้าโลเคชันไม่เด่นอาจแย่งลูกค้ากันเอง

  • สัญญาระยะสั้น: แม้ต่อได้ฟรี แต่การประเมินยอดขายอาจกดดันผู้ลงทุน ต้องรักษามาตรฐานทุกวัน

  • พึ่งพาระบบวัตถุดิบกลาง: หากโลจิสติกส์สะดุดจะกระทบการขายทันที—เจ้าของสาขาต้องเตรียมสต็อกสำรองอย่างน้อย 3 วัน


ช่องทางติดต่อ


วิเคราะห์ตลาดซูชิราคาถูกในไทย: เบื้องหลังความหวานและรอยร้าวที่ต้องจับตา

1. ปัจจัยผลักดัน

  • กำลังซื้อระดับกลาง–ล่างขยายตัว: หลังโควิด คนเมืองชะลอการใช้จ่าย แต่ยังมองหาอาหารต่างชาติในราคาจับต้องได้

  • กระแสสุขภาพ “โปรตีนสูง ไขมันต่ำ”: ซูชิถูกมองว่าดีกว่าอาหารฟาสต์ฟู้ดมัน ๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกผิด

  • บริการเดลิเวอรีบูม: ค่าจัดส่งต่ำลง ทำให้ซูชิคำละสิบบาทเข้าถึงคนชานเมืองได้มากขึ้น

2. ความท้าทาย

  • สงครามราคา: คู่แข่งกดราคาข้าวหน้าไข่หวานหรือซูชิคำละ 7–8 บาท กัดกำไรสุทธิให้บางลง

  • ความเชื่อมั่นด้านปลอดภัยอาหาร: กรณีข่าวซูชิเสื่อมคุณภาพแพร่ในโซเชียลจะสร้างผลสะเทือนทั่วอุตสาหกรรม

  • ค่าวัตถุดิบผันผวน: ปี 2567–2568 ราคาแซลมอนนำเข้าเพิ่มขึ้น 12–15 % จากอัตราแลกเปลี่ยนและโลจิสติกส์โลก

  • พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว: เทรนด์อาหารญี่ปุ่นใหม่ ๆ (ราเมนโกโบกิบาเนะ ยากินิกุบุฟเฟต์) จ่อแย่งสัดส่วนกระเป๋าสตางค์

3. โอกาสเติบโต

  • ต่างจังหวัดยังว่าง: อัตราสาขาต่อประชากรของซูชิราคาถูกในหัวเมืองรองยังต่ำกว่าเมืองหลวง 1:3

  • โมเดล Grab-and-Go สถานีรถไฟฟ้าใหม่ ๆ: คำละ 10 บาทเหมาะกับนักเดินทางรีบเร่ง

  • แฟรนไชส์รวมศูนย์ครัวกลาง: ลดต้นทุนไม่จำเป็นให้เจ้าของสาขามุ่งขายหน้าเคาน์เตอร์

4. สัญญาณเสี่ยง

  • โอเวอร์ซัพพลายล็อกทำเล: พื้นที่ชุมชนบางแห่งมีซูชิราคาถูกเกินสามแบรนด์ในรัศมี 500 เมตร

  • มาตรฐานแตกต่างระหว่างสาขา: ผู้ประกอบการรายย่อยขาดประสบการณ์ F&B อาจทำให้คุณภาพด้อยลง ดึงภาพรวมแบรนด์

  • ค่าแรงขั้นต่ำมีแนวโน้มขยับ: กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อคำต่ำมาก หากค่าแรงขึ้น 10 % จะหั่น Net Margin ลงทันที 1–1.3 จุดเปอร์เซ็นต์


ไข่หวานบ้านซูชิในสมรภูมิคำละสิบบาท

  • เม็ดเงินลงทุน เข้าถึงได้สำหรับผู้มีทุน 4–5 แสนบาทขึ้นไป หากเลือกแพ็กเกจ S และมีทำเลคนเดินผ่านหนาแน่น

  • โมเดลไร้รอยัลตี้ ช่วยคงกำไร แต่เจ้าของต้องควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานอย่างเข้มงวด

  • ศักยภาพเติบโต ยังมีในจังหวัดที่ห่างกรุงเทพฯ แต่ในเมืองใหญ่การแข่งขันจะยิ่งดุเดือด

  • ความสำเร็จหรือความล้มเหลว ขึ้นกับ 3 ปัจจัย: ทำเลที่แม่นยำ, การรักษามาตรฐานรสชาติทุกวัน, และกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เฉพาะพื้นที่

ถ้าคุณเชื่อว่าทำเลพร้อม ทีมงานพร้อม และมีใจรักงานบริการ “ไข่หวานบ้านซูชิ” อาจเป็นบันไดก้าวแรกสู่ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นของคุณ แต่หากคิดว่าแบกรับราคาวัตถุดิบผันผวนไม่ไหว หรือมองข้ามโจทย์คุณภาพในแต่ละคำ ซูชิคำละสิบบาทอาจกลายเป็นต้นทุนที่แพงยิ่งกว่าเมนูอะลาคาร์ตจานหรูเสียอีก

หมายเหตุ: ข้อมูลค่าใช้จ่ายและขั้นตอนทั้งหมดอ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัท ณ พฤษภาคม 2568 และอาจเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของแบรนด์ (kaiwanbaansushi.com)