อาชีพอิสระกู้เงินที่ไหนได้บ้าง 2568

1. อาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ มีอะไรบ้าง

ก่อนจะเข้าเรื่องการขอสินเชื่อ เราควรมาทำความรู้จักกันก่อนว่า “อาชีพอิสระ” หรือที่หลายคนเรียกว่า “ฟรีแลนซ์” นั้นมีลักษณะและประเภทอะไรบ้าง เพราะในยุคปัจจุบันปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ผู้คนจำนวนมากได้หันมาทำงานอิสระมากขึ้น จากปัจจัยทางเทคโนโลยีและสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

  1. ฟรีแลนซ์สายงานครีเอทีฟ

    • เช่น กราฟิกดีไซเนอร์, นักเขียน, นักแปล, ช่างภาพ, วิดีโอครีเอเตอร์, ตัดต่อวิดีโอ, นักดนตรีที่รับจ้างแต่งเพลง ฯลฯ
    • ผู้ที่ทำงานในสายนี้มักจะรับงานตามโครงการ (Project) หรือบางคนอาจทำงานระยะยาวกับลูกค้าประจำ
  2. ฟรีแลนซ์สายเทคโนโลยี

    • เช่น โปรแกรมเมอร์, Web Developer, Mobile App Developer, Data Analyst, UX/UI Designer ฯลฯ
    • ลักษณะงานมักเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบหรือซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจทำงานได้จากทุกที่ มีโอกาสรับรายได้เป็นค่าแรงรายโครงการหรือรายชั่วโมง
  3. ฟรีแลนซ์สายการตลาดและโฆษณา

    • เช่น นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer), ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย (Social Media Admin), Content Creator, Influencer, Blogger ฯลฯ
    • รับจ้างให้คำปรึกษาหรือสร้างคอนเทนต์ในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ
  4. ผู้ค้าขายออนไลน์

    • พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของผ่านแพลตฟอร์มเช่น Shopee, Lazada, Facebook, Instagram หรือ TikTok
    • บางคนอาจไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ทำให้ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ที่ชัดเจนในรูปแบบสลิปเงินเดือน
  5. ผู้ขับรถขนส่ง / เดลิเวอรี่

    • เช่น คนขับ Grab, Lineman, Foodpanda หรือรถส่งพัสดุตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ
    • เป็นอาชีพอิสระเพราะสามารถกำหนดเวลาทำงานด้วยตนเอง รับรายได้ตามจำนวนงานหรือรอบที่วิ่ง
  6. งานอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบบริษัท

    • เช่น ช่างเสริมสวย ช่างทำเล็บ ช่างตัดผมที่เปิดร้านเองโดยไม่จดทะเบียนนิติบุคคล, ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ช่างซ่อมรถที่รับงานแบบอิสระ ฯลฯ

สรุป: “อาชีพอิสระ” หรือ “ฟรีแลนซ์” หมายถึง ผู้ที่ทำงานโดยไม่มีสังกัดบริษัทเป็นหลัก ไม่ได้มีรายได้ประจำเดือนในรูปแบบเงินเดือนจากนายจ้าง และอาจไม่มีสลิปเงินเดือนเป็นหลักฐาน แต่มีรูปแบบการรับเงินตามผลงานหรือโครงการที่ทำ


2. อยากกู้เงิน อาชีพอิสระ ต้องทำยังไง

เมื่อเรารู้แล้วว่าอาชีพอิสระมีลักษณะอย่างไร คำถามที่ตามมาคือ “ถ้าอยากกู้เงินในฐานะฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระ ต้องทำอย่างไร?” เพราะส่วนใหญ่ธนาคารและสถาบันการเงินมักกำหนดเงื่อนไขให้ผู้กู้ต้องมีหลักฐานการทำงานหรือสลิปเงินเดือน ซึ่งฟรีแลนซ์มักไม่มี

  1. เตรียมเอกสารทางการเงินที่จำเป็น

    • แม้ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่ควรมี รายการเดินบัญชี (Bank Statement) ย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน หรือ 12 เดือน (ยิ่งนานยิ่งดี) เพื่อเป็นหลักฐานแสดงรายได้เข้า-ออกอย่างสม่ำเสมอ
    • หากคุณขายของออนไลน์ ควรเก็บประวัติยอดขายและบิลการชำระเงินต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐาน เช่น สกรีนช็อตรายการโอนผ่านแอปธนาคาร หรือสถิติยอดขายจาก Shopee/Lazada
  2. จดทะเบียนพาณิชย์ (ถ้าเป็นไปได้)

    • ถ้าคุณประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น ขายของออนไลน์ หรือให้บริการในรูปแบบมีหน้าร้าน การ จดทะเบียนพาณิชย์ หรือ จดทะเบียนผู้ประกอบการ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการยื่นกู้
  3. เปิดบัญชีแยกสำหรับงานฟรีแลนซ์

    • หากคุณทำฟรีแลนซ์หลายประเภท ควรแยกบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินจากลูกค้าให้ชัดเจน เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่า “รายได้เฉลี่ยต่อเดือน” อยู่ที่เท่าไร
    • การไม่ปะปนกับบัญชีใช้จ่ายส่วนตัวจะทำให้การตรวจสอบรายได้ง่ายขึ้น และลดข้อสงสัยจากฝ่ายสินเชื่อ
  4. สร้างประวัติทางการเงินที่ดี

    • ควรมีวินัยในการบริหารเงิน ไม่ใช้จ่ายเกินตัว หรือมีหนี้ค้างชำระผิดนัดบ่อย ๆ
    • การมีเครดิตบูโรที่ดี จะเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อ แม้คุณจะเป็นอาชีพอิสระก็ตาม
  5. เลือกสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีนโยบายรับอาชีพอิสระ

    • บางธนาคารอาจเน้นลูกค้ากลุ่มมนุษย์เงินเดือน แต่บางแห่งก็เปิดกว้างสำหรับฟรีแลนซ์ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงไทย กรุงศรี ออมสิน หรือแม้กระทั่งธนาคารดิจิทัลหลายแห่ง
    • รวมไปถึงผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ซึ่งมีเงื่อนไข flexible มากกว่า

3. อาชีพอิสระ กู้เงินยากไหม กู้ยังไงให้ผ่าน

คำถามยอดฮิต: “อาชีพอิสระ กู้เงินยากไหม?” คำตอบคือ “ค่อนข้างยากกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไป” แต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ เพราะธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องการความมั่นใจว่าผู้กู้มีรายได้เพียงพอและมีความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้น “ทำยังไงให้ผ่าน” คือสิ่งที่ฟรีแลนซ์ต้องใส่ใจ

  1. ทำให้เห็นภาพรวมรายได้มั่นคง

    • แม้รายได้จะไม่แน่นอน แต่ควรพยายามทำให้มีเงินเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน สมมติว่าเฉลี่ย 20,000 – 30,000 บาท/เดือน (หรือมากกว่านั้น)
    • ถ้ามีหลายช่องทาง ควรโอนเข้าบัญชีเดียวเพื่อให้ตรวจสอบง่าย และทำให้ยอดดูโดดเด่น
  2. รักษาเครดิตบูโรให้ดี

    • ไม่ควรมีประวัติค้างชำระ หรือเบี้ยวหนี้บัตรเครดิต/สินเชื่ออื่น ๆ
    • ถ้ายังไม่เคยใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อใด ๆ เลย ลองทำบัตรเครดิตวงเงินเล็ก ๆ เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินตรงเวลา
  3. เอกสารประกอบการกู้

    • นอกจาก Bank Statement แล้ว อาจแนบสัญญาจ้างงาน รายชื่อบริษัทที่เคยจ้าง หรือใบเสร็จ/ใบกำกับภาษี (ถ้ามี) เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ
    • หากมี ทะเบียนพาณิชย์ หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จะช่วยเพิ่มน้ำหนักอย่างมาก
  4. วางแผนหนี้สินให้พอเหมาะกับรายได้

    • อย่ากู้วงเงินสูงเกินไปจนธนาคารมองว่าเสี่ยงต่อการไม่มีปัญญาจ่าย
    • คำนวณแล้วว่า “ค่างวด” ควรไม่เกิน 30 – 40% ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
  5. เลือกสินเชื่อและธนาคารที่เป็นมิตรกับฟรีแลนซ์

    • สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนยื่นกู้ ว่า “มีนโยบายสำหรับอาชีพอิสระหรือไม่”
    • บางธนาคารมีโครงการเฉพาะ เช่น สินเชื่ออาชีพอิสระ, สินเชื่อ SME ขนาดเล็ก หรือสินเชื่อธุรกิจที่รับพิจารณารายได้ไม่แน่นอน

สรุป: อาชีพอิสระอาจกู้เงินยากกว่ามนุษย์เงินเดือนเนื่องจากขาดหลักฐานรายได้ที่คงที่ แต่หากจัดระเบียบการเงินดี มีเอกสาร Bank Statement ชัดเจน และรักษาเครดิตดี ก็มีโอกาสกู้ผ่านได้ไม่ยาก


4. อาชีพอิสระประเภทไหนที่ธนาคารชอบ

ในโลกความเป็นจริง แต่ละธนาคารมี “เกณฑ์ภายใน” (Internal Policy) ในการพิจารณาที่อาจแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว อาชีพอิสระประเภทไหนที่ธนาคารชอบ จะมีลักษณะที่ทำให้ธนาคาร “มั่นใจว่าจะผ่อนคืนหนี้ได้” ได้แก่

  1. อาชีพอิสระที่มีรายได้สม่ำเสมอ

    • เช่น ฟรีแลนซ์ที่มีลูกค้าประจำ, Youtuber ที่มีโฆษณาคงที่ทุกเดือน, Online Seller ที่มียอดขายโตต่อเนื่องหลายเดือน
    • ธนาคารชอบสม่ำเสมอมากกว่ารายได้ก้อนใหญ่แต่ไม่แน่นอน
  2. อาชีพอิสระที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่ต้องการสูง

    • เช่น โปรแกรมเมอร์, Web Developer, Digital Marketer ระดับมืออาชีพ เพราะมองว่ามีโอกาสหางานได้ต่อเนื่อง
    • ช่างภาพอาชีพที่มีผลงานโดดเด่น ลูกค้าต่อคิวจ้างเพียบ ก็อาจได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
  3. อาชีพอิสระที่มีหลักฐานทางการเงินชัดเจน

    • เช่น มีใบแจ้งยอดงานหรือใบเสร็จ มีระบบบัญชีอย่างมืออาชีพ
    • หากมีการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือเสียภาษีถูกต้อง ธนาคารก็มั่นใจว่าจะมีรายได้จริง
  4. อาชีพอิสระที่ดำเนินธุรกิจมานาน

    • ยิ่งคุณทำอาชีพนี้มาเป็นระยะเวลานานเท่าไร (เช่น 2-3 ปีขึ้นไป) และมีประวัติเดินบัญชีสม่ำเสมอ ธนาคารจะยิ่งมั่นใจว่าคุณไม่เพิ่งเริ่มลองตลาด
    • ต่างจากคนเพิ่งเริ่มอาชีพอิสระได้ 2-3 เดือน ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ารายได้จะขึ้นหรือลง
  5. อาชีพที่มีหน้าร้านหรือช่องทางชัดเจน

    • เช่น เปิดร้านขายกาแฟพร้อมหน้าร้านและมีการจ่ายภาษี, ร้านตัดผมที่จดทะเบียนพาณิชย์ ฯลฯ
    • แม้เป็นอาชีพอิสระ แต่มีหลักฐานว่าดำเนินธุรกิจจริงและมีลูกค้าจริง

5. สินเชื่อเงินด่วน อาชีพอิสระกู้ได้

ในปี 2568 มีหลายธนาคารและสถาบันการเงินที่ปรับตัวรองรับลูกค้าอาชีพอิสระมากขึ้น นี่คือ 5 สินเชื่อ ที่คนทำอาชีพอิสระสามารถยื่นกู้ได้ (ทั้งรูปแบบสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก)

5.1 สินเชื่อ SCB Speedy Loan (ธนาคารไทยพาณิชย์)

  • จุดเด่น:
    1. วงเงินกู้สูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ (ไม่เกิน 2 ล้านบาท)
    2. ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
    3. ระยะผ่อนชำระนานสูงสุด 72 เดือน
  • ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
    1. มีอายุงานหรือประกอบอาชีพไม่ต่ำกว่า 2 ปี
    2. มีรายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 – 12 เดือน
    3. บางกรณีอาจต้องมีเอกสารภาษี หรือหนังสือรับรองรายได้จากลูกค้า
  • เหมาะกับใคร: คนทำอาชีพอิสระที่มีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ และต้องการวงเงินค่อนข้างสูง

5.2 สินเชื่อกสิกรไทย Xpress Loan

  • จุดเด่น:
    1. สมัครผ่าน K PLUS ได้ ไม่ต้องไปสาขา
    2. อนุมัติไวใน 30 นาที – 1 วัน (กรณีมีข้อมูลพร้อม)
    3. วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ ประมาณ 1.5 ล้านบาท (กรณีเป็นอาชีพอิสระจริง ๆ อาจพิจารณาเป็นกรณีไป)
  • ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
    1. มีรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
    2. มีประวัติเครดิตบูโรที่ดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ
    3. หากมียอดเงินเข้าบัญชีกสิกรเป็นประจำจะยิ่งอนุมัติง่าย
  • เหมาะกับใคร: ฟรีแลนซ์ที่ใช้บัญชีธนาคารกสิกรไทยสม่ำเสมอ และต้องการความสะดวกในการสมัครผ่านมือถือ

5.3 สินเชื่อกรุงไทย Smart Money

  • จุดเด่น:
    1. ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
    2. อัตราดอกเบี้ยแข่งขันได้
    3. ผ่อนชำระได้สูงสุด 60 เดือน
  • ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
    1. มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 60 ปี
    2. รายได้เฉลี่ยขั้นต่ำ 15,000 บาท/เดือน หรือมากกว่า
    3. มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกรุงไทย
  • เหมาะกับใคร: ฟรีแลนซ์ที่มีบัญชีเดินสะพัดในธนาคารกรุงไทย และต้องการวงเงินกู้ไม่สูงมาก

5.4 สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย ธนาคารออมสิน

  • จุดเด่น:
    1. เป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านค้าออนไลน์, ร้านอาหารขนาดเล็ก, ช่างเสริมสวย ฯลฯ
    2. ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป เพราะเป็นธนาคารของรัฐ
    3. มีโครงการสนับสนุนพิเศษสำหรับผู้มีรายได้น้อยบางกลุ่ม
  • ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
    1. ต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือมีการดำเนินธุรกิจที่พิสูจน์ได้
    2. อาจต้องมีผู้ค้ำประกันในบางวงเงิน
    3. อาจต้องเข้าโครงการฝึกอบรมตามที่ธนาคารกำหนด
  • เหมาะกับใคร: เจ้าของกิจการเล็ก ๆ หรือฟรีแลนซ์ที่มีธุรกิจรูปแบบใกล้เคียง SMEs ต้องการดอกเบี้ยถูก และมีเวลาดำเนินการมากหน่อย

5.5 สินเชื่อ Non-Bank เช่น LINE BK, Dolfin, ShopeePay Later

  • จุดเด่น:
    1. สมัครง่ายมาก ใช้หลักฐานน้อย อาจแค่ต้องยืนยันตัวตนผ่านแอป
    2. อนุมัติไวภายใน 10 – 30 นาที หลังตรวจสอบข้อมูล
    3. วงเงินตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน (แล้วแต่ประวัติการเงิน)
  • ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
    1. สามารถแสดงยอดเงินเข้าออกในบัญชีได้ หรือผูกบัญชีธนาคาร/ e-Wallet ที่ใช้งานประจำ
    2. มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ถ้าเคยใช้บริการมาก่อน
  • เหมาะกับใคร: ฟรีแลนซ์ที่ต้องการเงินด่วน วงเงินไม่ใหญ่มาก และไม่อยากใช้เอกสารเยอะ

6. ข้อดี ข้อเสีย

ข้อดี

  1. เข้าถึงเงินทุนได้ง่าย: แม้ไม่มีสลิปเงินเดือนแบบมนุษย์เงินเดือนก็กู้ได้ ถ้าเตรียมเอกสารและมีประวัติการเงินดี
  2. เลือกวงเงินและประเภทสินเชื่อได้หลากหลาย: ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อธุรกิจ หรือสินเชื่อผ่านแอป Non-Bank
  3. ดอกเบี้ยมีหลายระดับ: สามารถเลือกได้ว่าต้องการดอกเบี้ยต่ำ (อาจต้องใช้เอกสารมากขึ้น) หรือสะดวกรวดเร็ว (อาจดอกเบี้ยสูงกว่า)
  4. สร้างเครดิตทางการเงิน: หากกู้ผ่านและผ่อนตรงเวลาในครั้งแรก จะทำให้ครั้งต่อไปกู้ง่ายขึ้น และวงเงินสูงขึ้น

ข้อเสีย

  1. เงื่อนไขการอนุมัติเข้มงวดกว่ามนุษย์เงินเดือน: ต้องมีหลักฐานแสดงรายได้สม่ำเสมอ หรืออาจต้องใช้วิธีอื่นในการเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  2. อาจใช้เวลามากกว่าในการเตรียมเอกสาร: โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีระบบบัญชีชัดเจน หรือไม่มีการเดินบัญชีเป็นกิจจะลักษณะ
  3. ดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ (ในบางกรณี): สำหรับสินเชื่อ Non-Bank หรือสินเชื่อที่อนุมัติไวมาก ๆ อาจมีดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อธนาคาร
  4. ความเสี่ยงในการเป็นหนี้เกินตัว: หากไม่วางแผนการชำระเงินให้ดี อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินในภายหลัง

7. รีวิวประสบการณ์จริงจาก Pantip อาชีพอิสระกู้เงิน

การอ่าน “รีวิวจากผู้มีประสบการณ์จริง” ในเว็บบอร์ดอย่าง Pantip เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราเห็นมุมมองว่าฟรีแลนซ์คนอื่น ๆ เขากู้เงินกันอย่างไร และเจอปัญหาอะไรกันบ้าง ด้านล่างนี้คือการสรุปและเรียบเรียงจากประสบการณ์ที่พบบ่อย (เนื่องจาก Pantip มีหลายกระทู้มาก บทความนี้จึงขอสรุปภาพรวม)

  1. กรณีศึกษาที่ 1: คุณ A เป็นฟรีแลนซ์สายออกแบบกราฟิก

    • มีลูกค้าประจำ 3–4 เจ้า รายได้รวมเดือนละ 30,000 – 40,000 บาท แต่ไม่มีสลิปเงินเดือน
    • ได้ลองยื่นกู้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยใช้ Bank Statement ย้อนหลัง 1 ปี พร้อมใบเสนอราคางานที่ทำให้ลูกค้าเก่า
    • ผลปรากฏว่า “อนุมัติผ่าน” วงเงิน 150,000 บาท ผ่อน 3 ปี ดอกเบี้ยประมาณ 18% ต่อปี
    • สิ่งที่คุณ A สรุปไว้คือ “ธนาคารต้องการเห็นว่ามีเงินเข้ามาประจำทุกเดือนจริง และไม่มีประวัติเครดิตเสีย”
  2. กรณีศึกษาที่ 2: คุณ B พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ขายเสื้อผ้ามือสอง

    • รายได้ไม่คงที่ ช่วงขายดีอาจได้ 40,000–50,000 บาท ต่อเดือน ช่วงโลว์ซีซันอาจได้แค่ 15,000 บาท
    • เดินบัญชีไม่สม่ำเสมอ ทำให้ครั้งแรกที่ยื่นกู้ “สินเชื่อกสิกรไทย Xpress Loan” ถูกปฏิเสธ
    • หลังจากนั้นคุณ B ปรับวิธีการโดย “เปิดบัญชีแยกเฉพาะร้านค้า” และโอนยอดขายทั้งหมดเข้าบัญชีนี้ทุกครั้ง
    • 6 เดือนถัดมากลับไปยื่นกู้ใหม่ ได้รับอนุมัติวงเงิน 80,000 บาท ผ่อน 2 ปี
    • สรุปคือ “ต้องมีวินัยในการเดินบัญชี เพื่อให้ธนาคารเห็นภาพชัดเจน”
  3. กรณีศึกษาที่ 3: คุณ C โปรแกรมเมอร์ฟรีแลนซ์

    • รับงานผ่าน Upwork และ Fiverr เป็นหลัก รายได้เป็นดอลลาร์สหรัฐ โอนเข้าบัญชี PayPal ก่อนจะถอนมาไทย
    • คุณ C จึงไม่มีรายได้เข้าออกบัญชีธนาคารไทยแบบตรง ๆ ทุกเดือน บางเดือนก็ถอนมา 2-3 ครั้ง หรือบางเดือนอาจไม่ถอนเลย
    • ลองสมัคร “LINE BK” โดยผูกบัญชีธนาคารกสิกรไทย และอัปโหลด Statement ที่โชว์เงินเข้าออก PayPal
    • ได้รับอนุมัติวงเงิน 30,000 บาท ในครั้งแรก ดอกเบี้ยประมาณ 25% ต่อปี ซึ่งสูง แต่สะดวกมาก
    • คุณ C แนะนำว่า “ใครที่มีรายได้จากต่างประเทศ ควรทำให้เห็นยอดเงินเข้าบัญชีไทยสม่ำเสมอ อาจจะถอนมาทุกสิ้นเดือนเพื่อให้ธนาคารเห็นแนวโน้มรายได้”
  4. กรณีศึกษาที่ 4: คุณ D ขับรถ Grab เป็นรายได้หลัก

    • รับเงินรายสัปดาห์เฉลี่ย 10,000 – 15,000 บาท แต่ไม่มีสลิปเงินเดือน มีแค่ประวัติในแอป Grab และสมุดบัญชีที่เงินเข้าตลอด
    • ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารกรุงไทย Smart Money วงเงิน 50,000 บาท ระบุเหตุผลว่าต้องการซ่อมรถและปรับสภาพรถ
    • ถูกขอเอกสารเสริม เช่น สเตทเมนต์ย้อนหลัง 1 ปี และหลักฐานการทำงานกับ Grab (ภาพหน้าจอ Dashboard รายได้สะสม)
    • หลังตรวจสอบ 2 สัปดาห์ อนุมัติผ่าน และกำหนดผ่อน 24 เดือน
    • คุณ D สรุปว่า “การขอสินเชื่ออาจต้องคุยตรงกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และให้ข้อมูลเยอะ ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าคุณมีรายได้จริง”

บทเรียนจากรีวิว Pantip

  • ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นกู้
  • เดินบัญชีสม่ำเสมอ
  • แนบหลักฐานรายได้ให้ธนาคารมั่นใจ
  • หากถูกปฏิเสธครั้งแรก อย่าท้อ ให้ปรับปรุงระบบการเงินแล้วลองใหม่

8. สรุป

ในปี 2568 อาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไปในการขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพราะหลายแห่งได้ปรับนโยบายให้รองรับคนที่ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่มีรายได้จริง และต้องการเงินทุนมาหมุนเวียนใช้ในชีวิตประจำวันหรือในธุรกิจของตนเอง

ประเด็นสำคัญที่ต้องจำ

  1. การเดินบัญชีเป็นกุญแจสำคัญ

    • ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอิสระประเภทใดก็ตาม หากคุณทำให้เห็นว่าในแต่ละเดือนมีรายได้เข้าสม่ำเสมอ จะช่วยให้ธนาคารประเมินความสามารถในการผ่อนหนี้ของคุณได้ง่ายขึ้น
  2. เอกสารเสริมช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติ

    • แม้จะไม่มีสลิปเงินเดือน แต่หากมี ใบสั่งจ้างงาน (Contract), ใบเสร็จ/ใบกำกับภาษี, รูปภาพหน้าร้าน, ทะเบียนพาณิชย์ หรืออะไรก็ได้ที่ยืนยันว่าคุณมีธุรกิจจริง ๆ ล้วนแต่ช่วยสนับสนุนได้ทั้งสิ้น
  3. เลือกสินเชื่อให้เหมาะสม

    • สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) มักเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำ
    • สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก (SME/รายย่อย) เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดกิจการจริงจัง และอาจต้องการวงเงินสูง
    • สินเชื่อ Non-Bank เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและสมัครง่ายกว่า แต่ควรตรวจสอบดอกเบี้ยและเงื่อนไขให้ดี
  4. เครดิตบูโรและวินัยทางการเงินสำคัญ

    • อย่ามองข้ามการชำระหนี้บัตรเครดิตหรือบิลต่าง ๆ ให้ตรงเวลา เพราะส่งผลต่อเครดิตบูโร
    • หากเครดิตดี ไม่ติดแบล็กลิสต์ โอกาสได้รับอนุมัติก็จะสูงตามไปด้วย
  5. ศึกษาข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์

    • การอ่านกระทู้ Pantip หรือขอคำแนะนำจากผู้ที่เคยกู้ผ่านสำเร็จ จะช่วยให้คุณเห็นภาพว่าแต่ละธนาคารหรือนโยบายสินเชื่อเป็นอย่างไร
    • อย่าลืมสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง เพื่ออัปเดตข้อมูลล่าสุด

ก้าวต่อไปของอาชีพอิสระ

ปัจจุบันแนวโน้มคนทำงานอิสระมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและทั่วโลก เพราะเทคโนโลยีและการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว เปิดโอกาสให้เราทำงานจากที่ไหนก็ได้ ธนาคารและสถาบันการเงินเองก็พยายามปรับตัวให้เท่าทันโลก ทำให้อนาคตมีความเป็นไปได้ว่าสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระจะยิ่ง “เปิดกว้าง” และ “เป็นมิตร” กับคนทำงานกลุ่มนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้กู้เองก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการการเงินให้เป็นระบบ มีการวางแผนชำระหนี้ให้ตรงเวลา และไม่ก่อหนี้เกินตัว หากใช้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง ก็จะเป็นตัวช่วยชั้นดีในการเสริมสภาพคล่องและพัฒนาธุรกิจอาชีพอิสระของตนเองได้อย่างมั่นคง


บทส่งท้าย

“อาชีพอิสระกู้เงินที่ไหนได้บ้าง 2568” คำถามนี้จะไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป หากคุณมีความเข้าใจภาพรวมของกระบวนการกู้ยืมเงินสำหรับฟรีแลนซ์ เตรียมเอกสารทางการเงินให้พร้อม และมีวินัยในการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่มีสลิปทุกเดือน คุณก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ

ท้ายที่สุด หวังว่าบทความฉบับนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับ “คนทำงานอาชีพอิสระ” ในการตัดสินใจสมัครสินเชื่ออย่างมีหลักการและเกิดประโยชน์สูงสุด ตราบใดที่คุณมี “หลักฐานรายได้ชัดเจน + วินัยทางการเงินที่ดี” โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนย่อมเปิดกว้างขึ้นอีกมาก และอย่าลืมอ่านรายละเอียดเงื่อนไขแต่ละสินเชื่อให้ดีก่อนเซ็นสัญญา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลังครับ!