
1. อาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ มีอะไรบ้าง
ก่อนจะเข้าเรื่องการขอสินเชื่อ เราควรมาทำความรู้จักกันก่อนว่า “อาชีพอิสระ” หรือที่หลายคนเรียกว่า “ฟรีแลนซ์” นั้นมีลักษณะและประเภทอะไรบ้าง เพราะในยุคปัจจุบันปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ผู้คนจำนวนมากได้หันมาทำงานอิสระมากขึ้น จากปัจจัยทางเทคโนโลยีและสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
-
ฟรีแลนซ์สายงานครีเอทีฟ
- เช่น กราฟิกดีไซเนอร์, นักเขียน, นักแปล, ช่างภาพ, วิดีโอครีเอเตอร์, ตัดต่อวิดีโอ, นักดนตรีที่รับจ้างแต่งเพลง ฯลฯ
- ผู้ที่ทำงานในสายนี้มักจะรับงานตามโครงการ (Project) หรือบางคนอาจทำงานระยะยาวกับลูกค้าประจำ
-
ฟรีแลนซ์สายเทคโนโลยี
- เช่น โปรแกรมเมอร์, Web Developer, Mobile App Developer, Data Analyst, UX/UI Designer ฯลฯ
- ลักษณะงานมักเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบหรือซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจทำงานได้จากทุกที่ มีโอกาสรับรายได้เป็นค่าแรงรายโครงการหรือรายชั่วโมง
-
ฟรีแลนซ์สายการตลาดและโฆษณา
- เช่น นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer), ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย (Social Media Admin), Content Creator, Influencer, Blogger ฯลฯ
- รับจ้างให้คำปรึกษาหรือสร้างคอนเทนต์ในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ
-
ผู้ค้าขายออนไลน์
- พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของผ่านแพลตฟอร์มเช่น Shopee, Lazada, Facebook, Instagram หรือ TikTok
- บางคนอาจไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ทำให้ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ที่ชัดเจนในรูปแบบสลิปเงินเดือน
-
ผู้ขับรถขนส่ง / เดลิเวอรี่
- เช่น คนขับ Grab, Lineman, Foodpanda หรือรถส่งพัสดุตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ
- เป็นอาชีพอิสระเพราะสามารถกำหนดเวลาทำงานด้วยตนเอง รับรายได้ตามจำนวนงานหรือรอบที่วิ่ง
-
งานอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบบริษัท
- เช่น ช่างเสริมสวย ช่างทำเล็บ ช่างตัดผมที่เปิดร้านเองโดยไม่จดทะเบียนนิติบุคคล, ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ช่างซ่อมรถที่รับงานแบบอิสระ ฯลฯ
สรุป: “อาชีพอิสระ” หรือ “ฟรีแลนซ์” หมายถึง ผู้ที่ทำงานโดยไม่มีสังกัดบริษัทเป็นหลัก ไม่ได้มีรายได้ประจำเดือนในรูปแบบเงินเดือนจากนายจ้าง และอาจไม่มีสลิปเงินเดือนเป็นหลักฐาน แต่มีรูปแบบการรับเงินตามผลงานหรือโครงการที่ทำ
2. อยากกู้เงิน อาชีพอิสระ ต้องทำยังไง
เมื่อเรารู้แล้วว่าอาชีพอิสระมีลักษณะอย่างไร คำถามที่ตามมาคือ “ถ้าอยากกู้เงินในฐานะฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระ ต้องทำอย่างไร?” เพราะส่วนใหญ่ธนาคารและสถาบันการเงินมักกำหนดเงื่อนไขให้ผู้กู้ต้องมีหลักฐานการทำงานหรือสลิปเงินเดือน ซึ่งฟรีแลนซ์มักไม่มี
-
เตรียมเอกสารทางการเงินที่จำเป็น
- แม้ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่ควรมี รายการเดินบัญชี (Bank Statement) ย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน หรือ 12 เดือน (ยิ่งนานยิ่งดี) เพื่อเป็นหลักฐานแสดงรายได้เข้า-ออกอย่างสม่ำเสมอ
- หากคุณขายของออนไลน์ ควรเก็บประวัติยอดขายและบิลการชำระเงินต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐาน เช่น สกรีนช็อตรายการโอนผ่านแอปธนาคาร หรือสถิติยอดขายจาก Shopee/Lazada
-
จดทะเบียนพาณิชย์ (ถ้าเป็นไปได้)
- ถ้าคุณประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น ขายของออนไลน์ หรือให้บริการในรูปแบบมีหน้าร้าน การ จดทะเบียนพาณิชย์ หรือ จดทะเบียนผู้ประกอบการ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการยื่นกู้
-
เปิดบัญชีแยกสำหรับงานฟรีแลนซ์
- หากคุณทำฟรีแลนซ์หลายประเภท ควรแยกบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินจากลูกค้าให้ชัดเจน เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่า “รายได้เฉลี่ยต่อเดือน” อยู่ที่เท่าไร
- การไม่ปะปนกับบัญชีใช้จ่ายส่วนตัวจะทำให้การตรวจสอบรายได้ง่ายขึ้น และลดข้อสงสัยจากฝ่ายสินเชื่อ
-
สร้างประวัติทางการเงินที่ดี
- ควรมีวินัยในการบริหารเงิน ไม่ใช้จ่ายเกินตัว หรือมีหนี้ค้างชำระผิดนัดบ่อย ๆ
- การมีเครดิตบูโรที่ดี จะเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อ แม้คุณจะเป็นอาชีพอิสระก็ตาม
-
เลือกสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีนโยบายรับอาชีพอิสระ
- บางธนาคารอาจเน้นลูกค้ากลุ่มมนุษย์เงินเดือน แต่บางแห่งก็เปิดกว้างสำหรับฟรีแลนซ์ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงไทย กรุงศรี ออมสิน หรือแม้กระทั่งธนาคารดิจิทัลหลายแห่ง
- รวมไปถึงผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ซึ่งมีเงื่อนไข flexible มากกว่า
3. อาชีพอิสระ กู้เงินยากไหม กู้ยังไงให้ผ่าน
คำถามยอดฮิต: “อาชีพอิสระ กู้เงินยากไหม?” คำตอบคือ “ค่อนข้างยากกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไป” แต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ เพราะธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องการความมั่นใจว่าผู้กู้มีรายได้เพียงพอและมีความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้น “ทำยังไงให้ผ่าน” คือสิ่งที่ฟรีแลนซ์ต้องใส่ใจ
-
ทำให้เห็นภาพรวมรายได้มั่นคง
- แม้รายได้จะไม่แน่นอน แต่ควรพยายามทำให้มีเงินเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน สมมติว่าเฉลี่ย 20,000 – 30,000 บาท/เดือน (หรือมากกว่านั้น)
- ถ้ามีหลายช่องทาง ควรโอนเข้าบัญชีเดียวเพื่อให้ตรวจสอบง่าย และทำให้ยอดดูโดดเด่น
-
รักษาเครดิตบูโรให้ดี
- ไม่ควรมีประวัติค้างชำระ หรือเบี้ยวหนี้บัตรเครดิต/สินเชื่ออื่น ๆ
- ถ้ายังไม่เคยใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อใด ๆ เลย ลองทำบัตรเครดิตวงเงินเล็ก ๆ เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินตรงเวลา
-
เอกสารประกอบการกู้
- นอกจาก Bank Statement แล้ว อาจแนบสัญญาจ้างงาน รายชื่อบริษัทที่เคยจ้าง หรือใบเสร็จ/ใบกำกับภาษี (ถ้ามี) เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ
- หากมี ทะเบียนพาณิชย์ หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จะช่วยเพิ่มน้ำหนักอย่างมาก
-
วางแผนหนี้สินให้พอเหมาะกับรายได้
- อย่ากู้วงเงินสูงเกินไปจนธนาคารมองว่าเสี่ยงต่อการไม่มีปัญญาจ่าย
- คำนวณแล้วว่า “ค่างวด” ควรไม่เกิน 30 – 40% ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
-
เลือกสินเชื่อและธนาคารที่เป็นมิตรกับฟรีแลนซ์
- สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนยื่นกู้ ว่า “มีนโยบายสำหรับอาชีพอิสระหรือไม่”
- บางธนาคารมีโครงการเฉพาะ เช่น สินเชื่ออาชีพอิสระ, สินเชื่อ SME ขนาดเล็ก หรือสินเชื่อธุรกิจที่รับพิจารณารายได้ไม่แน่นอน
สรุป: อาชีพอิสระอาจกู้เงินยากกว่ามนุษย์เงินเดือนเนื่องจากขาดหลักฐานรายได้ที่คงที่ แต่หากจัดระเบียบการเงินดี มีเอกสาร Bank Statement ชัดเจน และรักษาเครดิตดี ก็มีโอกาสกู้ผ่านได้ไม่ยาก
4. อาชีพอิสระประเภทไหนที่ธนาคารชอบ
ในโลกความเป็นจริง แต่ละธนาคารมี “เกณฑ์ภายใน” (Internal Policy) ในการพิจารณาที่อาจแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว อาชีพอิสระประเภทไหนที่ธนาคารชอบ จะมีลักษณะที่ทำให้ธนาคาร “มั่นใจว่าจะผ่อนคืนหนี้ได้” ได้แก่
-
อาชีพอิสระที่มีรายได้สม่ำเสมอ
- เช่น ฟรีแลนซ์ที่มีลูกค้าประจำ, Youtuber ที่มีโฆษณาคงที่ทุกเดือน, Online Seller ที่มียอดขายโตต่อเนื่องหลายเดือน
- ธนาคารชอบสม่ำเสมอมากกว่ารายได้ก้อนใหญ่แต่ไม่แน่นอน
-
อาชีพอิสระที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่ต้องการสูง
- เช่น โปรแกรมเมอร์, Web Developer, Digital Marketer ระดับมืออาชีพ เพราะมองว่ามีโอกาสหางานได้ต่อเนื่อง
- ช่างภาพอาชีพที่มีผลงานโดดเด่น ลูกค้าต่อคิวจ้างเพียบ ก็อาจได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
-
อาชีพอิสระที่มีหลักฐานทางการเงินชัดเจน
- เช่น มีใบแจ้งยอดงานหรือใบเสร็จ มีระบบบัญชีอย่างมืออาชีพ
- หากมีการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือเสียภาษีถูกต้อง ธนาคารก็มั่นใจว่าจะมีรายได้จริง
-
อาชีพอิสระที่ดำเนินธุรกิจมานาน
- ยิ่งคุณทำอาชีพนี้มาเป็นระยะเวลานานเท่าไร (เช่น 2-3 ปีขึ้นไป) และมีประวัติเดินบัญชีสม่ำเสมอ ธนาคารจะยิ่งมั่นใจว่าคุณไม่เพิ่งเริ่มลองตลาด
- ต่างจากคนเพิ่งเริ่มอาชีพอิสระได้ 2-3 เดือน ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ารายได้จะขึ้นหรือลง
-
อาชีพที่มีหน้าร้านหรือช่องทางชัดเจน
- เช่น เปิดร้านขายกาแฟพร้อมหน้าร้านและมีการจ่ายภาษี, ร้านตัดผมที่จดทะเบียนพาณิชย์ ฯลฯ
- แม้เป็นอาชีพอิสระ แต่มีหลักฐานว่าดำเนินธุรกิจจริงและมีลูกค้าจริง
5. สินเชื่อเงินด่วน อาชีพอิสระกู้ได้
ในปี 2568 มีหลายธนาคารและสถาบันการเงินที่ปรับตัวรองรับลูกค้าอาชีพอิสระมากขึ้น นี่คือ 5 สินเชื่อ ที่คนทำอาชีพอิสระสามารถยื่นกู้ได้ (ทั้งรูปแบบสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก)
5.1 สินเชื่อ SCB Speedy Loan (ธนาคารไทยพาณิชย์)
- จุดเด่น:
- วงเงินกู้สูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ (ไม่เกิน 2 ล้านบาท)
- ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
- ระยะผ่อนชำระนานสูงสุด 72 เดือน
- ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
- มีอายุงานหรือประกอบอาชีพไม่ต่ำกว่า 2 ปี
- มีรายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 – 12 เดือน
- บางกรณีอาจต้องมีเอกสารภาษี หรือหนังสือรับรองรายได้จากลูกค้า
- เหมาะกับใคร: คนทำอาชีพอิสระที่มีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ และต้องการวงเงินค่อนข้างสูง
5.2 สินเชื่อกสิกรไทย Xpress Loan
- จุดเด่น:
- สมัครผ่าน K PLUS ได้ ไม่ต้องไปสาขา
- อนุมัติไวใน 30 นาที – 1 วัน (กรณีมีข้อมูลพร้อม)
- วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ ประมาณ 1.5 ล้านบาท (กรณีเป็นอาชีพอิสระจริง ๆ อาจพิจารณาเป็นกรณีไป)
- ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
- มีรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- มีประวัติเครดิตบูโรที่ดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ
- หากมียอดเงินเข้าบัญชีกสิกรเป็นประจำจะยิ่งอนุมัติง่าย
- เหมาะกับใคร: ฟรีแลนซ์ที่ใช้บัญชีธนาคารกสิกรไทยสม่ำเสมอ และต้องการความสะดวกในการสมัครผ่านมือถือ
5.3 สินเชื่อกรุงไทย Smart Money
- จุดเด่น:
- ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
- อัตราดอกเบี้ยแข่งขันได้
- ผ่อนชำระได้สูงสุด 60 เดือน
- ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
- มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 60 ปี
- รายได้เฉลี่ยขั้นต่ำ 15,000 บาท/เดือน หรือมากกว่า
- มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกรุงไทย
- เหมาะกับใคร: ฟรีแลนซ์ที่มีบัญชีเดินสะพัดในธนาคารกรุงไทย และต้องการวงเงินกู้ไม่สูงมาก
5.4 สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย ธนาคารออมสิน
- จุดเด่น:
- เป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านค้าออนไลน์, ร้านอาหารขนาดเล็ก, ช่างเสริมสวย ฯลฯ
- ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป เพราะเป็นธนาคารของรัฐ
- มีโครงการสนับสนุนพิเศษสำหรับผู้มีรายได้น้อยบางกลุ่ม
- ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
- ต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือมีการดำเนินธุรกิจที่พิสูจน์ได้
- อาจต้องมีผู้ค้ำประกันในบางวงเงิน
- อาจต้องเข้าโครงการฝึกอบรมตามที่ธนาคารกำหนด
- เหมาะกับใคร: เจ้าของกิจการเล็ก ๆ หรือฟรีแลนซ์ที่มีธุรกิจรูปแบบใกล้เคียง SMEs ต้องการดอกเบี้ยถูก และมีเวลาดำเนินการมากหน่อย
5.5 สินเชื่อ Non-Bank เช่น LINE BK, Dolfin, ShopeePay Later
- จุดเด่น:
- สมัครง่ายมาก ใช้หลักฐานน้อย อาจแค่ต้องยืนยันตัวตนผ่านแอป
- อนุมัติไวภายใน 10 – 30 นาที หลังตรวจสอบข้อมูล
- วงเงินตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน (แล้วแต่ประวัติการเงิน)
- ข้อกำหนดสำหรับอาชีพอิสระ:
- สามารถแสดงยอดเงินเข้าออกในบัญชีได้ หรือผูกบัญชีธนาคาร/ e-Wallet ที่ใช้งานประจำ
- มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ถ้าเคยใช้บริการมาก่อน
- เหมาะกับใคร: ฟรีแลนซ์ที่ต้องการเงินด่วน วงเงินไม่ใหญ่มาก และไม่อยากใช้เอกสารเยอะ
6. ข้อดี ข้อเสีย
ข้อดี
- เข้าถึงเงินทุนได้ง่าย: แม้ไม่มีสลิปเงินเดือนแบบมนุษย์เงินเดือนก็กู้ได้ ถ้าเตรียมเอกสารและมีประวัติการเงินดี
- เลือกวงเงินและประเภทสินเชื่อได้หลากหลาย: ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อธุรกิจ หรือสินเชื่อผ่านแอป Non-Bank
- ดอกเบี้ยมีหลายระดับ: สามารถเลือกได้ว่าต้องการดอกเบี้ยต่ำ (อาจต้องใช้เอกสารมากขึ้น) หรือสะดวกรวดเร็ว (อาจดอกเบี้ยสูงกว่า)
- สร้างเครดิตทางการเงิน: หากกู้ผ่านและผ่อนตรงเวลาในครั้งแรก จะทำให้ครั้งต่อไปกู้ง่ายขึ้น และวงเงินสูงขึ้น
ข้อเสีย
- เงื่อนไขการอนุมัติเข้มงวดกว่ามนุษย์เงินเดือน: ต้องมีหลักฐานแสดงรายได้สม่ำเสมอ หรืออาจต้องใช้วิธีอื่นในการเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- อาจใช้เวลามากกว่าในการเตรียมเอกสาร: โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีระบบบัญชีชัดเจน หรือไม่มีการเดินบัญชีเป็นกิจจะลักษณะ
- ดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ (ในบางกรณี): สำหรับสินเชื่อ Non-Bank หรือสินเชื่อที่อนุมัติไวมาก ๆ อาจมีดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อธนาคาร
- ความเสี่ยงในการเป็นหนี้เกินตัว: หากไม่วางแผนการชำระเงินให้ดี อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินในภายหลัง
7. รีวิวประสบการณ์จริงจาก Pantip อาชีพอิสระกู้เงิน
การอ่าน “รีวิวจากผู้มีประสบการณ์จริง” ในเว็บบอร์ดอย่าง Pantip เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราเห็นมุมมองว่าฟรีแลนซ์คนอื่น ๆ เขากู้เงินกันอย่างไร และเจอปัญหาอะไรกันบ้าง ด้านล่างนี้คือการสรุปและเรียบเรียงจากประสบการณ์ที่พบบ่อย (เนื่องจาก Pantip มีหลายกระทู้มาก บทความนี้จึงขอสรุปภาพรวม)
-
กรณีศึกษาที่ 1: คุณ A เป็นฟรีแลนซ์สายออกแบบกราฟิก
- มีลูกค้าประจำ 3–4 เจ้า รายได้รวมเดือนละ 30,000 – 40,000 บาท แต่ไม่มีสลิปเงินเดือน
- ได้ลองยื่นกู้ “สินเชื่อส่วนบุคคล” กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยใช้ Bank Statement ย้อนหลัง 1 ปี พร้อมใบเสนอราคางานที่ทำให้ลูกค้าเก่า
- ผลปรากฏว่า “อนุมัติผ่าน” วงเงิน 150,000 บาท ผ่อน 3 ปี ดอกเบี้ยประมาณ 18% ต่อปี
- สิ่งที่คุณ A สรุปไว้คือ “ธนาคารต้องการเห็นว่ามีเงินเข้ามาประจำทุกเดือนจริง และไม่มีประวัติเครดิตเสีย”
-
กรณีศึกษาที่ 2: คุณ B พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ขายเสื้อผ้ามือสอง
- รายได้ไม่คงที่ ช่วงขายดีอาจได้ 40,000–50,000 บาท ต่อเดือน ช่วงโลว์ซีซันอาจได้แค่ 15,000 บาท
- เดินบัญชีไม่สม่ำเสมอ ทำให้ครั้งแรกที่ยื่นกู้ “สินเชื่อกสิกรไทย Xpress Loan” ถูกปฏิเสธ
- หลังจากนั้นคุณ B ปรับวิธีการโดย “เปิดบัญชีแยกเฉพาะร้านค้า” และโอนยอดขายทั้งหมดเข้าบัญชีนี้ทุกครั้ง
- 6 เดือนถัดมากลับไปยื่นกู้ใหม่ ได้รับอนุมัติวงเงิน 80,000 บาท ผ่อน 2 ปี
- สรุปคือ “ต้องมีวินัยในการเดินบัญชี เพื่อให้ธนาคารเห็นภาพชัดเจน”
-
กรณีศึกษาที่ 3: คุณ C โปรแกรมเมอร์ฟรีแลนซ์
- รับงานผ่าน Upwork และ Fiverr เป็นหลัก รายได้เป็นดอลลาร์สหรัฐ โอนเข้าบัญชี PayPal ก่อนจะถอนมาไทย
- คุณ C จึงไม่มีรายได้เข้าออกบัญชีธนาคารไทยแบบตรง ๆ ทุกเดือน บางเดือนก็ถอนมา 2-3 ครั้ง หรือบางเดือนอาจไม่ถอนเลย
- ลองสมัคร “LINE BK” โดยผูกบัญชีธนาคารกสิกรไทย และอัปโหลด Statement ที่โชว์เงินเข้าออก PayPal
- ได้รับอนุมัติวงเงิน 30,000 บาท ในครั้งแรก ดอกเบี้ยประมาณ 25% ต่อปี ซึ่งสูง แต่สะดวกมาก
- คุณ C แนะนำว่า “ใครที่มีรายได้จากต่างประเทศ ควรทำให้เห็นยอดเงินเข้าบัญชีไทยสม่ำเสมอ อาจจะถอนมาทุกสิ้นเดือนเพื่อให้ธนาคารเห็นแนวโน้มรายได้”
-
กรณีศึกษาที่ 4: คุณ D ขับรถ Grab เป็นรายได้หลัก
- รับเงินรายสัปดาห์เฉลี่ย 10,000 – 15,000 บาท แต่ไม่มีสลิปเงินเดือน มีแค่ประวัติในแอป Grab และสมุดบัญชีที่เงินเข้าตลอด
- ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารกรุงไทย Smart Money วงเงิน 50,000 บาท ระบุเหตุผลว่าต้องการซ่อมรถและปรับสภาพรถ
- ถูกขอเอกสารเสริม เช่น สเตทเมนต์ย้อนหลัง 1 ปี และหลักฐานการทำงานกับ Grab (ภาพหน้าจอ Dashboard รายได้สะสม)
- หลังตรวจสอบ 2 สัปดาห์ อนุมัติผ่าน และกำหนดผ่อน 24 เดือน
- คุณ D สรุปว่า “การขอสินเชื่ออาจต้องคุยตรงกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และให้ข้อมูลเยอะ ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าคุณมีรายได้จริง”
บทเรียนจากรีวิว Pantip
- ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นกู้
- เดินบัญชีสม่ำเสมอ
- แนบหลักฐานรายได้ให้ธนาคารมั่นใจ
- หากถูกปฏิเสธครั้งแรก อย่าท้อ ให้ปรับปรุงระบบการเงินแล้วลองใหม่
8. สรุป
ในปี 2568 อาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไปในการขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพราะหลายแห่งได้ปรับนโยบายให้รองรับคนที่ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่มีรายได้จริง และต้องการเงินทุนมาหมุนเวียนใช้ในชีวิตประจำวันหรือในธุรกิจของตนเอง
ประเด็นสำคัญที่ต้องจำ
-
การเดินบัญชีเป็นกุญแจสำคัญ
- ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอิสระประเภทใดก็ตาม หากคุณทำให้เห็นว่าในแต่ละเดือนมีรายได้เข้าสม่ำเสมอ จะช่วยให้ธนาคารประเมินความสามารถในการผ่อนหนี้ของคุณได้ง่ายขึ้น
-
เอกสารเสริมช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติ
- แม้จะไม่มีสลิปเงินเดือน แต่หากมี ใบสั่งจ้างงาน (Contract), ใบเสร็จ/ใบกำกับภาษี, รูปภาพหน้าร้าน, ทะเบียนพาณิชย์ หรืออะไรก็ได้ที่ยืนยันว่าคุณมีธุรกิจจริง ๆ ล้วนแต่ช่วยสนับสนุนได้ทั้งสิ้น
-
เลือกสินเชื่อให้เหมาะสม
- สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) มักเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำ
- สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก (SME/รายย่อย) เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดกิจการจริงจัง และอาจต้องการวงเงินสูง
- สินเชื่อ Non-Bank เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและสมัครง่ายกว่า แต่ควรตรวจสอบดอกเบี้ยและเงื่อนไขให้ดี
-
เครดิตบูโรและวินัยทางการเงินสำคัญ
- อย่ามองข้ามการชำระหนี้บัตรเครดิตหรือบิลต่าง ๆ ให้ตรงเวลา เพราะส่งผลต่อเครดิตบูโร
- หากเครดิตดี ไม่ติดแบล็กลิสต์ โอกาสได้รับอนุมัติก็จะสูงตามไปด้วย
-
ศึกษาข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์
- การอ่านกระทู้ Pantip หรือขอคำแนะนำจากผู้ที่เคยกู้ผ่านสำเร็จ จะช่วยให้คุณเห็นภาพว่าแต่ละธนาคารหรือนโยบายสินเชื่อเป็นอย่างไร
- อย่าลืมสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง เพื่ออัปเดตข้อมูลล่าสุด
ก้าวต่อไปของอาชีพอิสระ
ปัจจุบันแนวโน้มคนทำงานอิสระมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและทั่วโลก เพราะเทคโนโลยีและการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว เปิดโอกาสให้เราทำงานจากที่ไหนก็ได้ ธนาคารและสถาบันการเงินเองก็พยายามปรับตัวให้เท่าทันโลก ทำให้อนาคตมีความเป็นไปได้ว่าสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระจะยิ่ง “เปิดกว้าง” และ “เป็นมิตร” กับคนทำงานกลุ่มนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้กู้เองก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการการเงินให้เป็นระบบ มีการวางแผนชำระหนี้ให้ตรงเวลา และไม่ก่อหนี้เกินตัว หากใช้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง ก็จะเป็นตัวช่วยชั้นดีในการเสริมสภาพคล่องและพัฒนาธุรกิจอาชีพอิสระของตนเองได้อย่างมั่นคง
บทส่งท้าย
“อาชีพอิสระกู้เงินที่ไหนได้บ้าง 2568” คำถามนี้จะไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป หากคุณมีความเข้าใจภาพรวมของกระบวนการกู้ยืมเงินสำหรับฟรีแลนซ์ เตรียมเอกสารทางการเงินให้พร้อม และมีวินัยในการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่มีสลิปทุกเดือน คุณก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ
ท้ายที่สุด หวังว่าบทความฉบับนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับ “คนทำงานอาชีพอิสระ” ในการตัดสินใจสมัครสินเชื่ออย่างมีหลักการและเกิดประโยชน์สูงสุด ตราบใดที่คุณมี “หลักฐานรายได้ชัดเจน + วินัยทางการเงินที่ดี” โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนย่อมเปิดกว้างขึ้นอีกมาก และอย่าลืมอ่านรายละเอียดเงื่อนไขแต่ละสินเชื่อให้ดีก่อนเซ็นสัญญา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลังครับ!