วิธีเช็คว่าเราติดแบล็คลิสไหม 2025

หลายคนอาจเคยเจอสถานการณ์สมัครบัตรเครดิตหรือสินเชื่อแล้วถูกปฏิเสธโดยไม่รู้สาเหตุ หนึ่งในเหตุผลสำคัญอาจมาจากการที่เรามีชื่ออยู่ใน “แบล็คลิส” หรือมีประวัติหนี้เสียในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ซึ่งในปี 2025 (2568) วิธีตรวจสอบง่ายขึ้นมาก สามารถเช็กได้ทั้ง ออนไลน์ แอปมือถือ และสาขาบูโรทั่วประเทศ

บทความนี้จะพาไปดู วิธีเช็กว่าติดแบล็คลิสหรือไม่ พร้อมเคล็ดลับแก้ไขประวัติหนี้เสียให้กลับมาดี


แบล็คลิสคืออะไร?

คำว่า “แบล็คลิส” ที่คนทั่วไปใช้ หมายถึงการมีประวัติหนี้เสียหรือผิดนัดชำระเกิน 90 วันขึ้นไป จนถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูล เครดิตบูโร (Credit Bureau) ซึ่งธนาคารและสถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลนี้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ

  • ไม่ได้หมายถึงถูกห้ามกู้ตลอดชีวิต แต่จะมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อจนกว่าจะเคลียร์หนี้และประวัติกลับมาดี

  • ระยะเวลาที่ข้อมูลอยู่ในระบบ: สูงสุด 3 ปีนับจากปิดบัญชีหนี้เสีย


วิธีเช็คว่าติดแบล็คลิสหรือไม่ (อัปเดต 2025)

1. เช็กออนไลน์ผ่านแอป “เครดิตบูโร”

  • ดาวน์โหลดแอป เครดิตบูโร (Credit Bureau Connect) จาก App Store หรือ Google Play

  • ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัว

  • ชำระค่าบริการตรวจสอบ (100–150 บาท)

  • รอรับรายงานเครดิตภายใน 1–3 วันทำการ

ข้อดี: สะดวก ทำได้ทุกที่
ข้อควรระวัง: ต้องกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง และเก็บรหัสผ่านให้ปลอดภัย


2. เช็กผ่านธนาคารพาณิชย์

ธนาคารหลายแห่งมีบริการให้ขอรายงานเครดิตบูโรได้ที่สาขา เช่น

  • ธนาคารกรุงไทย

  • ธนาคารกรุงเทพ

  • ธนาคารกสิกรไทย

  • ธนาคารไทยพาณิชย์

ขั้นตอน:

  1. เตรียมบัตรประชาชน

  2. แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการขอรายงานเครดิตบูโร

  3. ชำระค่าธรรมเนียม (100 บาท)

  4. รับรายงานทางไปรษณีย์หรืออีเมล


3. เช็กที่สำนักงานเครดิตบูโร

  • สำนักงานใหญ่: อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก (Pearl Bangkok) ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ

  • สาขาสนามบินน้ำ: ชั้น 2 อาคารบางกอกคอมเพล็กซ์ นนทบุรี

  • ใช้บัตรประชาชนตัวจริง และชำระค่าบริการ


4. เช็กผ่านตู้บริการอัตโนมัติ (Credit Bureau Kiosk)

  • มีให้บริการในห้างสรรพสินค้าและจุดบริการบางแห่ง

  • ใช้บัตรประชาชนสแกนและชำระเงิน

  • ได้รายงานเครดิตทันที


อ่านรายงานเครดิตบูโรอย่างไร

ในรายงานจะมีรายละเอียดสำคัญ:

  • สถานะบัญชี: ปกติ, ค้างชำระ, ปิดบัญชี

  • จำนวนวันที่ค้างชำระ: ถ้าเกิน 90 วัน = เข้าข่ายหนี้เสีย

  • ประวัติย้อนหลัง: ดูการชำระย้อนหลัง 24 เดือน


ถ้าพบว่าติดแบล็คลิส ควรทำอย่างไร

  1. ชำระหนี้ค้างให้ครบ – เคลียร์ต้น+ดอก+ค่าปรับ

  2. ขอหนังสือปิดบัญชี – เก็บเป็นหลักฐาน

  3. รอประวัติดีคืนมา – ข้อมูลหนี้เสียจะอยู่ในระบบสูงสุด 3 ปี

  4. ระหว่างนี้ – ใช้สินเชื่อขนาดเล็กหรือบัตรเดบิตแทน เพื่อไม่ให้เกิดหนี้ใหม่


เคล็ดลับป้องกันไม่ให้ติดแบล็คลิส

  • จ่ายค่างวดตรงเวลา

  • ถ้าจ่ายไม่ไหว ให้รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้

  • อย่ากู้เกินกำลัง

  • ตรวจเครดิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


ถาม-ตอบ: วิธีเช็คว่าเราติดแบล็คลิสไหม 2025

Q: ถ้าติดแบล็คลิส จะกู้เงินได้ไหม?
A: ยังพอกู้ได้บ้างจากสินเชื่อที่ไม่เช็กบูโร เช่น นาโนไฟแนนซ์ แต่ดอกเบี้ยสูงและวงเงินน้อย

Q: ตรวจเครดิตบูโรบ่อย ๆ จะมีผลเสียไหม?
A: ไม่มีผลเสีย การตรวจด้วยตนเองไม่กระทบคะแนนเครดิต

Q: หลังปิดหนี้แล้วต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะปลดแบล็คลิส?
A: ข้อมูลหนี้เสียจะอยู่ในระบบสูงสุด 3 ปีนับจากวันที่ปิดบัญชี

Q: ถ้าเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ประวัติแบล็คลิสจะหายไหม?
A: ไม่หาย เพราะผูกกับเลขบัตรประชาชน

Q: ตรวจเครดิตบูโรครั้งแรกควรทำเมื่อไร?
A: ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง หรือก่อนยื่นขอสินเชื่อทุกครั้ง