
ในยุคดิจิทัลที่เงินอิเล็กทรอนิกส์และสกุลเงินดิจิทัลเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากในประเทศไทยเริ่มตระหนักถึงความสะดวกและโอกาสทางการเงินที่มาพร้อมกับระบบเงินดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีหรือการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) เพื่อโอนและรับเงินแบบไม่ต้องพกเงินสด อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่มีสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือหลักในการลงทะเบียนและใช้งานเงินดิจิทัล แต่ในความเป็นจริง ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน หรือไม่สะดวกใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ บทความนี้จะพิจารณาว่า หากไม่มีโทรศัพท์ ควรจะไปลงทะเบียนเงินดิจิทัลที่ไหน และจะเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้อย่างไรในบริบทของประเทศไทย
ความสำคัญของการเข้าถึงเงินดิจิทัล
เงินดิจิทัลหรือ Digital Currency ถูกพัฒนาเพื่อลดการใช้เงินสด เพิ่มความโปร่งใส และลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกจากนี้ ในประเทศไทยยังมีโครงการสนับสนุนเงินดิจิทัลจากภาครัฐ ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตน เช่น โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลแห่งชาติที่รัฐสนับสนุนเงินบางส่วนให้กับประชาชน การเข้าถึงเงินดิจิทัลไม่เพียงแค่เปิดโอกาสทางการเงิน แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัลและการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจยุคใหม่
ความท้าทายสำหรับผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
• ไม่มีอุปกรณ์ที่รองรับแอปพลิเคชัน:
กระเป๋าเงินดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มเงินดิจิทัลส่วนใหญ่มักให้บริการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หากผู้ใช้ไม่มีสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถดาวน์โหลดแอปหรือทำธุรกรรมได้ด้วยตัวเอง
• ขาดความรู้เทคโนโลยี:
ผู้ที่ไม่ใช้สมาร์ทโฟนอาจไม่คุ้นเคยกับกระบวนการยืนยันตัวตนผ่านระบบออนไลน์ ทำให้การลงทะเบียนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
ทางเลือกในการลงทะเบียนเงินดิจิทัลเมื่อไม่มีโทรศัพท์
1. การลงทะเบียนที่สำนักงานธนาคารหรือสาขาในพื้นที่
ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐหลายแห่งเริ่มให้บริการลงทะเบียนเงินดิจิทัลผ่านเคาน์เตอร์สาขา ตัวอย่างเช่น ธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและระบบการชำระเงินภาครัฐ ได้เปิดให้ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถเข้ามายื่นเอกสาร ยืนยันตัวตน และลงทะเบียนผ่านพนักงานธนาคารได้โดยตรง
• ตัวอย่าง: นายสมชายที่อาศัยอยู่ในชนบท ไม่มีสมาร์ทโฟนและไม่เคยใช้งานอินเทอร์เน็ต ได้รับคำแนะนำจากผู้นำชุมชนให้ไปลงทะเบียนที่ธนาคารออมสินประจำตำบล โดยนำบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปยื่น พนักงานธนาคารช่วยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และเขาสามารถเริ่มต้นใช้งานเงินดิจิทัลได้ทันที
2. หน่วยงานรัฐหรือศูนย์บริการภาครัฐ
กระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมักจัดตั้งศูนย์บริการหรือเคาน์เตอร์ประชาชนในหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยประชาชนในการลงทะเบียนและใช้บริการเงินดิจิทัล
• ตัวอย่าง: คุณยายละม่อมอายุ 70 ปี ไม่มีโทรศัพท์มือถือ แต่ต้องการลงทะเบียนเพื่อรับเงินดิจิทัลที่รัฐแจก เธอเดินทางไปยังสำนักงานเขตที่มีเจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการ โดยใช้บัตรประชาชนและเอกสารยืนยันตัวตนอื่น ๆ หลังจากลงทะเบียน เจ้าหน้าที่แจ้งวิธีใช้บริการผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด (Smart Card) แทนการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน
3. การลงทะเบียนผ่านหน่วยบริการเคลื่อนที่
หน่วยบริการเคลื่อนที่ เช่น รถโมบายยูนิต หรือหน่วยงานราชการที่เดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลเพื่อช่วยประชาชนลงทะเบียนเงินดิจิทัล เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเดินทางมายังสำนักงานธนาคารได้
• ตัวอย่าง: ในจังหวัดสุรินทร์ หน่วยบริการเคลื่อนที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่เพื่อช่วยชาวบ้านลงทะเบียนเงินดิจิทัล โดยนำอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น คอมพิวเตอร์พกพา และเครื่องสแกนบัตรประชาชนไปด้วย ทำให้ผู้สูงอายุในชุมชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนได้อย่างง่ายดาย
4. ความร่วมมือกับองค์กรชุมชนและกลุ่มผู้ช่วยเหลือ
ผู้นำชุมชน องค์กรพัฒนาเอกชน หรือกลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ต่าง ๆ มักช่วยประชาชนในการลงทะเบียนและทำความเข้าใจกับระบบเงินดิจิทัล
• ตัวอย่าง: ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านจัดกิจกรรม “วันลงทะเบียนเงินดิจิทัล” โดยเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตและธนาคารมาช่วยชาวบ้านที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือไม่สามารถใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีได้
ข้อเสนอแนะในการเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการเงินดิจิทัล
• การเพิ่มจำนวนจุดบริการ:
หน่วยงานรัฐและธนาคารควรขยายจุดบริการไปยังพื้นที่ห่างไกลให้มากขึ้น เพื่อให้คนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนได้สะดวก
• การให้ความรู้แก่ประชาชน:
การจัดอบรมหรือกิจกรรมชุมชนเพื่อให้ความรู้เรื่องเงินดิจิทัลและขั้นตอนการลงทะเบียน จะช่วยลดความกังวลของประชาชน
• การออกแบบบริการทางเลือก:
นอกจากแอปพลิเคชัน ควรมีการพัฒนาระบบที่รองรับการใช้งานผ่านบัตรสมาร์ทการ์ดหรือระบบ USSD เพื่อให้ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น
สรุป
ในบริบทของประเทศไทย การลงทะเบียนเงินดิจิทัลโดยไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยังคงสามารถทำได้ โดยการอาศัยศูนย์บริการของธนาคาร หน่วยงานรัฐ หน่วยบริการเคลื่อนที่ และการสนับสนุนจากชุมชน การพัฒนาระบบที่เข้าถึงได้ง่ายและการให้ความรู้ที่ครอบคลุมจะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเงินที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเงินดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม