แม้คุณจะมีประวัติติดแบล็คลิสหรือติดเครดิตบูโร แต่ก็ยังมีทางเลือกในการเข้าถึงเงินกู้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนค้ำประกันหรือสลิปเงินเดือน ด้วยเทคโนโลยีและการปรับตัวของฟินเทค ทำให้มีผู้ให้บริการสินเชื่อที่เน้นกลุ่มผู้มีรายได้นอกระบบมากขึ้น โดยในบทความนี้จะขอแนะนำ 5 สินเชื่อออนไลน์ที่สมัครง่าย เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก และรองรับผู้ที่มีประวัติเครดิตไม่สมบูรณ์
1. FINNIX (ฟินนิกซ์) ติดแบล็คลิสกู้เงินที่ไหนได้บ้าง
จุดเด่น: ไม่ใช้สลิปเงินเดือน ไม่ต้องมีคนค้ำ สมัครผ่านแอป รู้ผลเร็ว
วงเงิน: เริ่มต้น 2,000 – 100,000 บาท
ดอกเบี้ย: สูงสุดไม่เกิน 33% ต่อปี ตามเกณฑ์ธปท.
วิธีสมัคร:
-
ดาวน์โหลดแอป FINNIX
-
ยืนยันตัวตนผ่านแอป Krungthai NEXT หรือแอปธนาคารอื่นที่รองรับ NDID
-
กรอกข้อมูลส่วนตัว และแหล่งรายได้
-
รอผลอนุมัติภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง
เอกสารที่ใช้:
-
บัตรประชาชน
-
ข้อมูลบัญชีธนาคาร
-
แหล่งรายได้ (ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารทางราชการ)
2. Line BK แอพยืมเงิน ios
จุดเด่น: ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน ยืมได้แม้มีรายได้ไม่แน่นอน
วงเงิน: สูงสุด 800,000 บาท
ดอกเบี้ย: 18 – 33% ต่อปี
วิธีสมัคร:
-
เชื่อมบัญชี KBank เข้ากับ LINE BK
-
กดสมัคร “วงเงินให้ยืม”
-
กรอกข้อมูลรายได้และอาชีพ
-
รอการพิจารณาผ่านแอปภายในไม่กี่ชั่วโมง
เอกสารที่ใช้:
-
บัตรประชาชน
-
บัญชี KBank ที่เคยใช้งาน
-
ข้อมูลรายได้ (ไม่จำเป็นต้องใช้สลิป)
3. ป๋า (PAH) โดย J Ventures – สินเชื่อผ่านแอป
จุดเด่น: เป็นบริการจากบริษัทในเครือ Jaymart ไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่มีค่าดำเนินการแอบแฝง
วงเงิน: สูงสุด 20,000 บาท
ดอกเบี้ย: 18 – 33% ต่อปี
วิธีสมัคร:
-
ดาวน์โหลดแอป “ป๋า”
-
ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านระบบดิจิทัล
-
ระบุอาชีพและรายได้
-
อนุมัติเร็ว โอนเข้าบัญชีธนาคารภายใน 1 วันทำการ
เอกสารที่ใช้:
-
บัตรประชาชน
-
เบอร์โทรศัพท์
-
ข้อมูลบัญชีธนาคาร
4. เงินทันเด้อ (Money Thunder) – สินเชื่อภายใต้ SCB Abacus
จุดเด่น: ใช้ AI พิจารณาเครดิต ไม่ต้องสลิปเงินเดือน
วงเงิน: เริ่มต้น 2,000 – 50,000 บาท
ดอกเบี้ย: ไม่เกิน 33% ต่อปี
วิธีสมัคร:
-
โหลดแอป “เงินทันเด้อ”
-
ยืนยันตัวตนผ่านแอปธนาคารที่รองรับ NDID
-
กรอกข้อมูลรายได้ และอาชีพ
-
รับเงินภายใน 24 ชั่วโมงหากได้รับอนุมัติ
เอกสารที่ใช้:
-
บัตรประชาชน
-
ยืนยันตัวตนดิจิทัล (ไม่ต้องอัปโหลดเอกสารรายได้)
5. ทรูมันนี่ เพย์เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า ยืมเงินทรู 2568
จุดเด่น: เป็นวงเงินพร้อมใช้ที่สามารถเบิกเป็นเงินสดเข้าบัญชี TrueMoney ได้
วงเงิน: สูงสุด 10,000 บาท
ดอกเบี้ย: 20 – 25% ต่อปี โดยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการชำระ
วิธีสมัคร:
-
เปิดแอป TrueMoney Wallet
-
เข้าเมนู “Pay Next Extra”
-
สมัครผ่านระบบยืนยันตัวตน KYC
-
หากผ่านเกณฑ์จะได้รับวงเงินใช้ทันที
เอกสารที่ใช้:
-
บัตรประชาชน
-
เบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีทรูมันนี่
-
ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือนหรือคนค้ำ
ถามตอบที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ถ้าติดแบล็คลิสจะสมัครสินเชื่อเหล่านี้ได้จริงหรือ?
ตอบ: ได้ หากคุณมีรายได้จริงหรือสามารถแสดงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่สม่ำเสมอ โดยผู้ให้บริการใช้ระบบ AI หรือพิจารณาจากพฤติกรรมการเงินแทนการดูประวัติบูโรเพียงอย่างเดียว
ถาม: ไม่มีคนค้ำ ไม่มีสลิปเงินเดือน แล้วเขาใช้เกณฑ์อะไรพิจารณา?
ตอบ: ส่วนใหญ่จะใช้การเชื่อมบัญชีธนาคารเพื่อดูรายรับรายจ่าย ตรวจสอบความสามารถในการชำระหนี้จากแหล่งรายได้จริง หรือพฤติกรรมการใช้จ่ายในระบบดิจิทัล
ถาม: จะมีผลต่อบูโรในอนาคตหรือไม่?
ตอบ: ถ้ากู้จากแหล่งที่จดทะเบียนถูกต้อง เช่นในบทความนี้ และชำระตรงเวลา จะช่วยปรับปรุงเครดิตในอนาคต แต่หากผิดนัดชำระอาจถูกบันทึกข้อมูลอีกครั้ง
ถาม: ต้องมีบัญชีธนาคารไหม?
ตอบ: ต้องมี เพราะเงินจะถูกโอนผ่านระบบบัญชีธนาคาร หรือบัญชีทรูมันนี่ในกรณีของ Pay Next
ถาม: อายุเท่าไหร่ถึงสมัครได้?
ตอบ: ส่วนใหญ่กำหนดอายุ 20 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 60 – 65 ปี ขึ้นกับแต่ละผู้ให้บริการ
วิธีตรวจสอบว่าตัวเองติดเครดิตบูโร
1. เช็กเครดิตบูโรผ่านแอปพลิเคชัน
-
แอป “เครดิตบูโร” (Credit Bureau)
-
โหลดแอปจาก App Store หรือ Play Store
-
ลงทะเบียน ยืนยันตัวตนผ่าน NDID หรือแอปธนาคาร
-
รอผลไม่เกิน 24 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายประมาณ 150 บาท
-
2. เช็กผ่านแอปธนาคารที่รองรับ NDID
ธนาคารที่ให้บริการเช็กเครดิตบูโรผ่านระบบ NDID เช่น:
-
กรุงไทย (Krungthai NEXT)
-
กสิกรไทย (K PLUS)
-
กรุงเทพ (Bualuang mBanking)
-
SCB EASY
ขั้นตอนคร่าว ๆ:
-
เปิดแอปธนาคาร
-
ไปที่เมนู “บริการ NDID” หรือ “ตรวจสอบเครดิต”
-
ดำเนินการตามขั้นตอน ยืนยันตัวตน
-
รับรายงานในรูปแบบ PDF ทางอีเมล
3. เช็กด้วยตัวเองที่ศูนย์บริการเครดิตบูโร
-
สถานที่เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่, ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือศูนย์การค้าบางแห่ง
-
ใช้บัตรประชาชนและกรอกแบบฟอร์ม
-
ค่าบริการ 100 – 150 บาท (กรณีรับเอกสารทันที)
ข้อมูลในรายงานเครดิตบูโรมีอะไรบ้าง?
-
รายชื่อบัญชีสินเชื่อทุกบัญชีที่เคยเปิด
-
ประวัติการชำระเงินย้อนหลัง 36 เดือน
-
สถานะบัญชี (ปิดแล้ว, ปิดไม่เรียบร้อย, ค้างชำระ)
-
หมายเหตุว่าเคยมีการผิดนัดหรือไม่
-
จำนวนวันค้างชำระ
หมายเหตุสำคัญ
-
บูโรไม่ตัดสินว่าคุณ “ติดแบล็คลิส” หรือไม่ แต่รายงานสถานะ เช่น “ค้างชำระเกิน 90 วัน” จะมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อ
-
ข้อมูลที่ผิดนัดชำระจะอยู่ในระบบ ไม่เกิน 8 ปี นับจากวันที่ปิดบัญชี (ถ้าไม่ปิด บันทึกอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ)
หากคุณพบว่ามีสถานะค้างชำระ คุณควรชำระให้ครบถ้วนและขอหนังสือปิดหนี้จากเจ้าหนี้ไว้เป็นหลักฐาน และหากข้อมูลมีข้อผิดพลาด คุณสามารถยื่นคำร้องให้ตรวจสอบกับบริษัทเครดิตบูโรได้โดยตรง