ติดแบล็คลิสกู้เงินที่ไหนได้บ้าง 2025

หลายคนที่เคยมีประวัติค้างชำระหนี้หรือเคยเป็น “NPL” (หนี้เสีย) มักจะเผชิญกับปัญหาใหญ่ คือ “ติดแบล็คลิส” หรือ “เครดิตเสีย” ในเครดิตบูโร ทำให้เวลาจะขอสินเชื่อใหม่กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน มักถูกปฏิเสธ เพราะธนาคารมองว่าเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง

แล้วถ้า “ติดแบล็คลิสกู้เงินที่ไหนได้บ้าง?” หรือมีทางออกอื่นที่ช่วยแก้ไขหรือพลิกเครดิตเสียให้ดีขึ้นหรือไม่? บทความนี้จะช่วยคุณหาคำตอบ พร้อมแนะนำสินเชื่อไม่เช็คบูโรที่พอจะเป็นทางเลือก และแนวทางฟื้นฟูเครดิตบูโรให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง


ติดแบล็คลิสในเครดิตบูโร คืออะไร?

จริง ๆ แล้ว “เครดิตบูโร” ไม่ได้เป็นคน “แบล็คลิส” หรือปฏิเสธสินเชื่อใด ๆ แต่ทำหน้าที่เพียง เก็บข้อมูลการชำระหนี้ ของลูกค้าที่มีสินเชื่อกับสถาบันการเงินเท่านั้น โดย “ติดแบล็คลิส” ที่คนทั่วไปเรียกกัน หมายถึง มีประวัติค้างชำระนานกว่า 90 วันขึ้นไป หรือถูกจัดอยู่ในกลุ่ม หนี้เสีย (NPL) นั่นเอง

เมื่อตรวจสอบเครดิตบูโรแล้วพบว่ามีสถานะ NPL หรือค้างชำระนาน ๆ ธนาคารหรือไฟแนนซ์ส่วนใหญ่จะ ไม่อนุมัติสินเชื่อใหม่ ให้จนกว่าจะเคลียร์หนี้เก่าหรือปรับปรุงเครดิตเรียบร้อยแล้ว


ติดแบล็คลิสกู้เงินที่ไหนได้บ้าง?

แม้จะมีเครดิตเสีย แต่ยังพอมี “สินเชื่อไม่เช็คบูโร” หรือ “สินเชื่อที่ผ่อนปรนเงื่อนไข” ที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยู่ในสถานะนี้ เช่น

1. สินเชื่อ Non-Bank บางประเภท (ไม่เช็คบูโร)

Non-Bank หรือสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร เช่น บริษัทไฟแนนซ์ บริษัทปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลบางแห่ง อาจมีโปรแกรมสินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร หรือเน้นดูจากรายได้และพฤติกรรมการเงินปัจจุบันมากกว่า เช่น:

  • สินเชื่อฟินนิกซ์ (FINNIX)
  • สินเชื่อเงินทันเด้อ (Money Thunder)
  • สินเชื่อ LINE BK (สำหรับกลุ่มรายได้ไม่แน่นอน)
  • สินเชื่อรถแลกเงิน บางบริษัท

2. สินเชื่อ “มีหลักประกัน”

ถ้ามี ทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ บ้าน หรือที่ดิน บางบริษัทสินเชื่อรถแลกเงินหรือสินเชื่อบ้านแลกเงินอาจอนุมัติแม้มีประวัติเสีย แต่ต้องขึ้นกับมูลค่าหลักประกันและพฤติกรรมการเงินปัจจุบัน เช่น

  • ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ
  • สมหวัง เงินสั่งได้
  • เมืองไทยแคปปิตอล

3. สินเชื่อในระบบที่มีแคมเปญช่วยเหลือ

บางช่วงอาจมีโครงการจาก ธนาคารของรัฐ หรือโครงการฟื้นฟูหนี้ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ เช่น:

  • โครงการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธนาคารออมสิน
  • สินเชื่อฟื้นฟูของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
  • สินเชื่อช่วยเหลือพิเศษของ ธนาคารออมสิน/ธอส. ในช่วงวิกฤติ

4. สินเชื่อสำหรับฟรีแลนซ์หรือกลุ่มนอกระบบ

บาง Non-Bank อาจมีสินเชื่อที่ออกแบบสำหรับกลุ่มที่ไม่มีรายได้แน่นอน เช่น พ่อค้าแม่ค้า หรือฟรีแลนซ์ที่ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่ต้องมี บัญชีเดินเงินที่ดี หรือมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารสม่ำเสมอ


ตัวอย่างสินเชื่อไม่เช็คบูโรที่น่าสนใจ

ชื่อสินเชื่อ จุดเด่น หมายเหตุ
FINNIX (ฟินนิกซ์) ไม่เช็คเครดิตบูโร สมัครง่ายในแอป สำหรับผู้มีรายได้ประจำและอาชีพอิสระ
เงินทันเด้อ (Money Thunder) สมัครผ่านแอป ไม่เช็คเครดิตบูโร เน้นผู้มีบัญชีธนาคารที่เดินเงินสม่ำเสมอ
LINE BK วงเงินให้ยืม ใช้บัญชี LINE BK ขอวงเงินเสริมได้ สำหรับคนมีรายได้ประจำและฟรีแลนซ์
ศรีสวัสดิ์ / เงินติดล้อ (รถแลกเงิน) ใช้รถหรือมอเตอร์ไซค์เป็นหลักประกัน ต้องมีรถปลอดภาระหรือมีทะเบียนรถครบถ้วน
เมืองไทยแคปปิตอล (สินเชื่อรายย่อย) ไม่เช็คบูโรในบางโปรแกรมสินเชื่อ วงเงินไม่สูง แต่เข้าถึงง่ายในต่างจังหวัด

หมายเหตุ: แม้จะไม่เช็คเครดิตบูโร แต่บางเจ้าอาจดูพฤติกรรมการเงิน เช่น รายได้เดินบัญชี การใช้เงินในชีวิตประจำวันแทน


วิธีแก้เครดิตเสีย / ฟื้นฟูเครดิตบูโร

นอกจากหาทางออกระยะสั้นด้วยสินเชื่อไม่เช็คบูโรแล้ว ควรเร่ง แก้ไขเครดิตเสีย เพื่อให้อนาคตขอกู้ธนาคารหรือสินเชื่อหลักได้ง่ายขึ้น

1. ปิดหนี้เก่าให้ครบถ้วน

  • ชำระหนี้เก่าที่ค้างชำระ หรือหนี้ที่อยู่ในสถานะ NPL ให้ครบ
  • ขอหนังสือรับรองปิดบัญชีจากเจ้าหนี้เดิม เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าเคลียร์หนี้แล้ว

2. เจรจาปรับโครงสร้างหนี้

  • หากไม่สามารถชำระหนี้ก้อนใหญ่ได้ทันที ควรติดต่อธนาคารหรือเจ้าหนี้เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ และทำสัญญาใหม่ เช่น ผ่อนเบา ๆ ระยะยาว เพื่อให้สถานะเครดิตกลับมาดีขึ้น

3. รอให้ประวัติเสียพ้น 36 เดือน

  • ประวัติค้างชำระหรือเครดิตเสียจะค้างในระบบ เครดิตบูโรสูงสุด 36 เดือน หลังจากชำระหนี้ครบแล้ว
  • เมื่อผ่าน 3 ปีและมีการผ่อนชำระตรงเวลาในช่วงใหม่ ข้อมูลเสียเดิมจะไม่แสดงในรายงานอีก

4. สร้างเครดิตใหม่

  • หลังปิดหนี้เก่า ให้เริ่มสร้างเครดิตใหม่ด้วยสินเชื่อวงเงินเล็ก ๆ หรือบัตรเครดิตที่ผ่อนชำระได้ง่าย เช่น บัตรเครดิตที่มีวงเงินต่ำ หรือสินเชื่อสร้างเครดิต
  • ต้องจ่ายตรงเวลาและใช้ไม่เกินวงเงินที่จำเป็น

ข้อควรระวังในการใช้ “สินเชื่อไม่เช็คบูโร”

  1. ดอกเบี้ยสูงกว่าในระบบปกติ

    • บางสินเชื่อ Non-Bank มีดอกเบี้ยสูงถึง 25-33% ต่อปี (สูงสุดตามกฎหมาย) ควรอ่านสัญญาและคำนวณภาระดอกเบี้ยให้รอบคอบ
  2. ตรวจสอบแหล่งสินเชื่อให้ถูกกฎหมาย

    • หลีกเลี่ยงสินเชื่อนอกระบบหรือแอปกู้นอกกฎหมายที่ไม่มีใบอนุญาต เพราะอาจเสี่ยงถูกเอาเปรียบและดอกเบี้ยแพงมาก
  3. ไม่กู้ซ้อนหลายเจ้า

    • หากมีประวัติเครดิตเสีย ไม่ควรรีบกู้หลายแหล่งพร้อมกัน ควรเลือกแหล่งที่เหมาะสมและวางแผนจ่ายให้ดี

สรุป

แม้คุณจะ ติดแบล็คลิส หรือมีประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร แต่ยังมีทางออก เช่น สินเชื่อไม่เช็คบูโร หรือสินเชื่อที่มีหลักประกัน ที่ยังพอสามารถสมัครได้ในระหว่างฟื้นฟูเครดิต

แนวทางที่ดีที่สุด คือ ควรเร่งเคลียร์หนี้เก่าและเริ่มสร้างประวัติเครดิตใหม่อย่างมีวินัย เช่น จ่ายหนี้ตรงเวลา ไม่กู้เกินตัว และวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ เพื่อในอนาคตจะได้กลับมาใช้สินเชื่อธนาคารหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้อย่างง่ายดาย