ชาพะยอมแฟรนไชส์กี่บาท 2025

ชาพะยอม เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาชารสชาติดีในราคาประหยัด แบรนด์นี้เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสาขามากมายทั่วประเทศ และยังคงเป็นตัวเลือกยอดฮิตของผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเครื่องดื่ม

สำหรับปี 2025 นี้ ใครที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในแฟรนไชส์ชาพะยอม ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่าย วิธีสมัคร ข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง และแนวโน้มตลาด เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้คุณที่นี่


แฟรนไชส์ชาพะยอม ราคาเท่าไหร่ 2025

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น

ปัจจุบัน ค่าแฟรนไชส์ ชาพะยอม อยู่ที่ประมาณ 65,000 – 100,000 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของบริษัท) โดยราคานี้รวมอุปกรณ์เบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับการเปิดร้าน

สิ่งที่ได้รับในแฟรนไชส์ชาพะยอม

  • อุปกรณ์ชงชาและอุปกรณ์ประกอบการขายมากกว่า 30 รายการ เช่น หม้อคูลเลอร์พักชา กระบวยตักชา แก้วน้ำ ป้ายเมนู และอุปกรณ์สำหรับการชง
  • สูตรเครื่องดื่มที่ผ่านการพัฒนาแล้ว สามารถใช้สูตรของทางบริษัทโดยตรง
  • วัตถุดิบเริ่มต้น สำหรับเปิดร้าน (เช่น ผงชา ใบชา น้ำเชื่อม และส่วนผสมอื่น ๆ)
  • การอบรมสอนสูตรชงชา โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
  • การสนับสนุนทางการตลาด เช่น การโปรโมตร้านบน Facebook หรือเว็บไซต์หลักของแฟรนไชส์

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

  • ค่าตกแต่งร้าน (ถ้ายังไม่มีร้าน) ประมาณ 20,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบร้าน
  • ค่าเช่าพื้นที่ (หากเช่าพื้นที่ขาย) ค่าใช้จ่ายตรงนี้ขึ้นอยู่กับทำเล ซึ่งอาจเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 – 20,000 บาทต่อเดือน
  • ค่าวัตถุดิบเพิ่มเติม โดยเฉลี่ยประมาณ 5,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ตามปริมาณการขาย

วิธีสมัครแฟรนไชส์ชาพะยอม

  1. ศึกษาข้อมูลแฟรนไชส์ – เข้าไปที่ เว็บไซต์ของชาพะยอม หรือเพจ Facebook: ชาพะยอม เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับแฟรนไชส์
  2. ติดต่อเจ้าหน้าที่ – สามารถโทรสอบถามข้อมูลแฟรนไชส์ได้ที่เบอร์ 065-998-9442 หรือส่งข้อความผ่านทางเพจ Facebook: ชาพะยอม
  3. เตรียมงบประมาณ – ตรวจสอบงบลงทุนและเลือกแพ็กเกจที่ต้องการ
  4. เลือกทำเลร้าน – ควรเป็นพื้นที่ที่มีคนเดินผ่านเยอะ เช่น ตลาดสด หน้าโรงเรียน หน้าห้างสรรพสินค้า
  5. ลงนามสัญญาแฟรนไชส์ – ดำเนินการทำสัญญากับบริษัทเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ
  6. เข้ารับการอบรม – ผู้ลงทุนจะต้องเข้าอบรมสูตรเครื่องดื่มและการบริหารร้าน
  7. เริ่มเปิดร้าน – หลังจากติดตั้งอุปกรณ์และอบรมเสร็จสิ้น สามารถเปิดร้านขายได้ทันที

ข้อดีของการลงทุนแฟรนไชส์ชาพะยอม

เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง – ชาพะยอมเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาสร้างแบรนด์เอง
ไม่มีค่ารายเดือนหรือส่วนแบ่งกำไร – ผู้ลงทุนจ่ายเพียงครั้งเดียว ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
สูตรชาพร้อมขาย – ไม่ต้องพัฒนาสูตรเอง ทางบริษัทมีสูตรพร้อมให้ใช้งาน
ต้นทุนต่อแก้วต่ำ กำไรสูง – ราคาขายอยู่ที่ 25 – 35 บาทต่อแก้ว แต่ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 7 – 12 บาท เท่านั้น
การสนับสนุนจากบริษัท – มีการอบรมและคำแนะนำจากทีมงานมืออาชีพ


ข้อเสียและความเสี่ยงของแฟรนไชส์ชาพะยอม

การแข่งขันสูง – ร้านชาต่าง ๆ มีเยอะมาก หากทำเลไม่ดีอาจมีผลต่อยอดขาย
ไม่สามารถปรับสูตรเองได้ – ต้องใช้วัตถุดิบและสูตรของบริษัทตามที่กำหนด
ตลาดเครื่องดื่มอิ่มตัว – ปัจจุบันมีร้านเครื่องดื่มมากมาย การตลาดจึงมีความสำคัญอย่างมาก
ต้องมีทำเลที่เหมาะสม – หากเลือกทำเลผิด ยอดขายอาจไม่เป็นไปตามคาด


แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มชาในปี 2025

  • เครื่องดื่มชาไทยยังคงได้รับความนิยม – เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมการดื่มของคนไทย
  • ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพและรสชาติ – ไม่ใช่แค่ราคาถูก แต่ต้องอร่อยด้วย
  • การขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น – การใช้เดลิเวอรี่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้าน
  • แฟรนไชส์เครื่องดื่มยังคงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน – แต่ต้องมีการตลาดที่ดีและสร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากคู่แข่ง

วิธีลงทุนแฟรนไชส์ชาพะยอมให้ประสบความสำเร็จ

  • เลือกทำเลที่มีลูกค้าเป้าหมาย เช่น ตลาดนัด สถานศึกษา แหล่งชุมชน หรือหน้าร้านสะดวกซื้อ
  • ทำการตลาดออนไลน์ โปรโมตร้านผ่าน Facebook, TikTok หรือ LINE OA
  • รักษาคุณภาพของชาและบริการ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
  • มีเมนูพิเศษหรือโปรโมชั่น เช่น ซื้อ 2 แถม 1 หรือเมนูพิเศษประจำเดือน
  • ปรับตัวตามกระแสตลาด เช่น เพิ่มเมนูชาเพื่อสุขภาพหรือน้ำผลไม้

แฟรนไชส์ชาอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

1. Kamu Kamu

  • ค่าแฟรนไชส์: เริ่มต้น 1,500,000 บาท
  • จุดเด่น: แบรนด์พรีเมียม มีเมนูที่แตกต่าง
  • Facebook: Kamu Tea

2. Fuku Matcha

  • ค่าแฟรนไชส์: เริ่มต้น 750,000 บาท
  • จุดเด่น: ชาเขียวแท้จากญี่ปุ่น
  • Facebook: Fuku Matcha

3. Owl Cha

  • ค่าแฟรนไชส์: เริ่มต้น 79,000 บาท
  • จุดเด่น: ราคาถูก คืนทุนไว
  • Facebook: Owl Cha

สรุป

การลงทุนแฟรนไชส์ ชาพะยอม เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเครื่องดื่ม โดยมีต้นทุนไม่สูงเกินไปและสามารถคืนทุนได้ภายใน 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาเรื่องทำเลและกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง