ประชาชนได้เฮ!! และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ การสมัครคนละครึ่งรอบ 3 เปิดลงทะเบียนและสมัครคนละครึ่งรอบ 3 เก็บตกและเพิ่มโอกาสกว่าล้านสิทธิ์ หลังกระทรวงการคลังเสนอขอใช้งบเงินกู้ ตาม พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ได้รับการอนุมติจากรัฐบาลและเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ และจะเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่ หรือสมัครคนละครึ่งรอบ 3 โดยคาดว่าจะเป็นวันที่ 20 มกราคม 2564 ซึ่งจากความสำเร็จและกระแสตอบรับที่ดีในโครงการคนละครึ่งเฟส 1 – 2 ส่งผลให้ ประชาชนตั้งตารอให้มีการเพิ่มสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ ที่ยังคงเหลือสิทธิ์อีกมากกว่า 1 ล้านสิทธิ ซึ่งเหลือจากการลงทะเบียนคนละครึ่งรอบ 1 – 2 และไม่มีการเข้าใช้สิทธิ์นั้นภายใน 14 วัน โดยต้องดำเนินการรอสรุปตัวเลขอีกครั้ง
ลิงก์ผู้สนับสนุน
สมัครคนละครึ่งรอบ 3 พร้อมลงทะเบียน 20 มกราคม 2564 นี้
ทั้งนี้ จากแหล่งข่าวรัฐบาลมีการเปิดเผยว่า หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด จะมีการเปิดและขยายโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมสิทธิ์ที่เหลือจากการเก็บตก 1 ล้านสิทธิซึ่งเป็นจำนวนสิทธิ์ที่เหลือจากการเก็บตกคนละครึ่งเฟส 1 – 2 และมาจากผู้ที่ลงทะเบียนไม่ผ่านทั้ง 2 รอบ และจะให้มีการสมัครคนละครึ่งรอบ 3 ในวันที่ 20 มกราคม 2564 นี้ และจะเริ่มใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ได้ภายในวันที่ 25 มกราคม 2564 โดยประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ จะได้รับสิทธิ์คนละ 3,500 บาท
ลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่
โครงการคนละครึ่งรอบใหม่ เฟส 3 โดยกระทรวงการคลังจะเปิดระบบให้ลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่เพิ่มเติม ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดในลงในวันที่ 20 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. เป็นต้นไป โดยผู้จะเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (ตามข้อมูลเดิมของเฟส 1 – 2)
ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 สำหรับประชาชน
- เริ่มลงทะเบียน วันที่ 20 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น.
- มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- จำกัดจำนวนที่ 1 ล้านคน หรือจนกว่าจะสิทธิจะหมด (จำนวนอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากการตรวจสอบจำนวนที่ตกหล่นจากโครงการคนละครึ่งเฟส 1 – 2)
ลงทะเบียนคนละครึ่ง สำหรับประชาชน ที่นี่
วิธีใช้คนละครึ่งเฟส 3
โครงการคนละครึ่งรอบใหม่ เป็นหนึ่งในมาตรการที่ดำเนินการโดยรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้ส่อยภายในประเทศ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับร้านค้า เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการอุดหนุนการจับจ่ายใช้ส่อยในส่วนของผู้จับจ่ายที่ได้รับสิทธิ คนละครึ่งผ่านระบบโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ ดำเนินการโดยรัฐช่วยจ่าย 50% ของมูลค่าสินค้า ในขณะที่ผู้ได้รับสิทธิจ่ายเพิ่มอีก 50% โดยสามารถใช้สิทธิผ่านแอป เป๋าตัง แต่การจ่ายอุดหนุนของโครงการคนละครึ่งจะได้รับไม่เกินวันละ 150 บาท/ วัน ซึ่งวิธีใช้คนละครึ่งรอบใหม่ จะดำเนินการจ่ายทั้งโครงการสูงสุดไม่เกิน 3,500 บาทต่อคน ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ได้รับสิทธิสมัครคนละครึ่งรอบ 3 มีเงื่อนไขโดยซื้อสินค้าจำนวน 200 บาท รัฐจะดำเนินการจ่ายให้ 50% คือ 100 บาทและผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการ คนละครึ่งจ่ายเองอีก 100 บาท
หากผู้รับสิทธิโครงการ คนละครึ่ง จับจ่ายสินค้าที่มีมูลค่า 500 บาท รัฐจะดำเนินการจ่ายสูงสุดที่ 150 บาทเท่านั้น โดยอีก 350 บาทผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ต้องดำเนินการจ่ายเอง ดังนั้น หากคุณต้องการซื้อสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ โปรดสังเกตป้ายโครงการ คนละครึ่งหรือสอบถามรายละเอียดกับเจ้าของร้านก่อนการจับจ่าย
วิธีใช้คนละครึ่งรอบใหม่
- เริ่มการเติมเงินเข้า แอป เป๋าตัง
- กดปุ่ม “เติมเงินเข้า G -Wallet” สามารถเติมได้จาก 3 ช่องทาง คือ Mobile Banking/ QR code Promptpay/ ตู้ ATM
- สแกน QR Code ร้านค้าผ่านแอป
- เข้าเมนู โครงการ คนละครึ่งเพื่อใช้สิทธิ กดปุ่มสแกนเพื่อจับจ่ายสินค้า
- ยืนยันการชำระเงิน
- ตรวจสอบยอดชำระเงินพร้อม กดปุ่ม “ยืนยันการชำระเงิน”
- ประเด็นสำคัญในการจับจ่าย คือ สำหรับผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ ต้องเปิด GPS ระหว่างการใช้ทุกครั้ง
ทั้งนี้ ประเภทร้านค้าที่ร่วมโครงการ คนละครึ่ง สามารถเป็นร้านค้าที่เป็นร้านอาหาร/ เครื่องดื่ม/ ร้านค้าทั่วไป ยกเว้น ลอตเตอรี่ แอลกอฮอล์ ยาสูบและการบริการ
ร้านค้าคนละครึ่งรอบใหม่มีร้านใดบ้าง
วิธีใช้คนละครึ่งรอบใหม่ ผู้ใช้สิทธิสามารถค้นหาร้านค้าต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว คือ การเข้าไปตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ ก่อนการออกไปจับจ่ายสินค้าจริง โดยผู้ต้องการใช้สิทธิคนละครึ่งสามารถเข้าตรวจสอบรายชื่อ และที่ตั้งร้านค้าได้ที่ เว็บไซต์โครงการคนละครึ่ง ที่นี่ แล้วเลือกพื้นที่ หรือจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ จากนั้นก็กดค้นหาร้านค้า ซึ่งระบบจะดำเนินการแสดงผลรายชื่อร้านค้าและสถานที่ตั้งอย่างชัดเจน โดยมีการแบ่งประเภทของร้านค้าในขั้นต้นตามจังหวัดที่ตั้งร้านค้า จากนั้นก็แสดงรายละเอียดแบ่งตามประเภทของร้านค้า คือ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านธงฟ้า และร้านสินค้าทั่วไป เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้ต้องการใช้สิทธิยังสามารถกดค้นหาร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจาก ชื่อร้าน ได้ทันที เพื่อความสะดวกรวดเร็วและง่ายต่อการวางแผนเดินทางอีกด้วย
อ้างอิง 1