การเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นเรื่องที่หลายคนกังวลและอาจส่งผลกระทบต่อการเงินอย่างมาก หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง?” ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินนำมาพิจารณา บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการเบื้องต้นของการฟ้องร้อง และวิธีที่สามารถจัดการหนี้บัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการฟ้องร้องหนี้บัตรเครดิต
การเป็นหนี้บัตรเครดิตนั้นไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะดำเนินการฟ้องร้องทันที มักมีปัจจัยหลายอย่างที่สถาบันการเงินนำมาพิจารณา ดังนี้
-
ยอดหนี้ค้างชำระ
ยอดหนี้ที่ค้างชำระเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่า เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง โดยทั่วไปแล้ว หากยอดหนี้มีจำนวนสูงและค้างชำระนานกว่ากำหนด ธนาคารอาจพิจารณาดำเนินคดี -
ระยะเวลาค้างชำระ
ธนาคารมักจะเริ่มกังวลหากยอดหนี้ค้างชำระมีระยะเวลานาน เช่น 3 เดือนขึ้นไป โดยปกติแล้ว หากเกิน 6 เดือน ธนาคารจะพิจารณาว่าหนี้ค้างนี้มีความเสี่ยงสูงในการชำระหนี้ ทำให้โอกาสที่จะถูกฟ้องร้องมีสูงขึ้น -
การติดต่อจากธนาคาร
ธนาคารมักจะเริ่มติดต่อผู้เป็นหนี้เพื่อทวงถามหนี้ตั้งแต่ช่วงที่ค้างชำระไปไม่กี่เดือน และหากการทวงถามไม่ได้ผล ก็อาจเป็นเหตุให้ธนาคารตัดสินใจใช้กระบวนการทางกฎหมาย
ขั้นตอนการฟ้องร้องหนี้บัตรเครดิต
เมื่อธนาคารตัดสินใจที่จะดำเนินการทางกฎหมายกับลูกหนี้ ก็จะมีขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้
1. การแจ้งเตือนจากธนาคาร
- ธนาคารจะส่ง หนังสือแจ้งเตือน โดยจะแจ้งให้ผู้เป็นหนี้ทราบถึงยอดหนี้และความจำเป็นในการชำระเงินที่ค้างอยู่
- หากผู้เป็นหนี้ไม่ตอบสนองหรือไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามที่กำหนดไว้ ธนาคารอาจเริ่มกระบวนการฟ้องร้องทางกฎหมาย
2. กระบวนการฟ้องร้อง
- ขั้นตอนการฟ้องร้องเริ่มต้น เมื่อธนาคารยื่นคำฟ้องต่อศาล ซึ่งจะทำการแจ้งให้ลูกหนี้ทราบถึงกระบวนการทางกฎหมาย
- ลูกหนี้จะมีเวลาในการตอบโต้หรือเจรจากับธนาคาร หากไม่สามารถหาข้อตกลงได้ อาจนำไปสู่การตัดสินของศาล
3. ผลกระทบจากการฟ้องร้อง
- หากศาลตัดสินให้ธนาคารชนะคดี อาจมีการบังคับใช้มาตรการต่างๆ เช่น การยึดทรัพย์สิน หรือการหักเงินเดือน เพื่อใช้ในการชำระหนี้ที่ค้างอยู่
วิธีป้องกันการโดนฟ้องเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิต
การจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ถูกฟ้องร้องได้ มีวิธีจัดการดังนี้
-
พยายามชำระขั้นต่ำทุกเดือน
การชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือนสามารถช่วยป้องกันการถูกฟ้องร้องและรักษาประวัติเครดิตไว้ได้ แม้จะไม่ได้ช่วยลดหนี้มากนัก แต่ก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบในการชำระหนี้ -
เจรจากับธนาคาร
การติดต่อธนาคารเพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้หรือขอพักชำระเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดภาระหนี้และป้องกันการโดนฟ้องร้อง -
ขอสินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต
บางครั้งการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต สามารถช่วยรวมยอดหนี้และลดอัตราดอกเบี้ยได้ ทำให้การชำระหนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น
สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิตคืออะไร?
สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต เป็นการกู้สินเชื่อที่นำมาใช้ชำระหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด เพื่อให้หนี้ทุกยอดถูกรวมเป็นก้อนเดียวกับดอกเบี้ยที่ลดลง เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเรื่องหนี้และต้องการลดภาระในการชำระเงินทุกเดือน โดยมีข้อดีหลายประการ เช่น
- ดอกเบี้ยต่ำกว่า บัตรเครดิตมักมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้นการใช้สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิตสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้
- การชำระหนี้เป็นระบบมากขึ้น เมื่อรวมยอดหนี้ทั้งหมดให้เป็นก้อนเดียว จะทำให้การชำระหนี้ง่ายขึ้น ไม่ต้องคอยจำยอดหนี้หลายที่
- ลดความเสี่ยงการโดนฟ้อง เมื่อยอดหนี้ถูกจัดการเป็นระบบ โอกาสที่จะเกิดการฟ้องร้องก็ลดลง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเป็นหนี้บัตรเครดิต
1. เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง?
- คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยอดหนี้และระยะเวลาค้างชำระ โดยทั่วไปแล้ว หากยอดหนี้ค้างชำระมีมูลค่าสูงและค้างนานกว่า 6 เดือน มีโอกาสที่จะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
2. สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิตช่วยลดหนี้ได้จริงหรือไม่?
- ใช่ การกู้สินเชื่อเพื่อนำมาปิดหนี้บัตรเครดิตสามารถลดภาระดอกเบี้ยและรวมยอดหนี้ให้เป็นก้อนเดียว ทำให้การจัดการหนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น
สรุป
การเป็นหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่การไม่จัดการหนี้ให้ดีอาจนำไปสู่การฟ้องร้องและผลกระทบทางการเงินได้ คำถามที่ว่า “เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง” มีคำตอบที่ขึ้นอยู่กับยอดหนี้และระยะเวลาค้างชำระ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา สิ่งสำคัญคือต้องติดต่อธนาคารและหาวิธีแก้ไขหนี้ให้ดีที่สุด เช่น การขอ สินเชื่อปิดหนี้บัตรเครดิต ที่สามารถช่วยรวมยอดหนี้และลดดอกเบี้ยได้